นาวาอากาศเอก อนุรักษ์ รมณารักษ์ ผู้บังคับการกองบิน 7 ได้เป็นประธานเปิดกิจกรรมงานวันเด็กในวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2561 โดยการจัดงานในครั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ในการจัดงานจากบริเวณซองจอดอากาศยานในปีที่ผ่านมาเป็นพื้นที่หน้าหอบังคับการบิน ซึ่งเป็นลานกว้างที่เหมาะสมกับการแบ่งโซนจัดกิจกรรมได้อย่างเหมาะสม โดยมีจุดเด่นคืออากาศยานที่นำมาจัดแสดง และระบบป้องกันฐานบิน โดยมีอากาศยานที่ไม่ได้ประจำการในกองบิน 7 อีกหนึ่งแบบที่มาร่วมตั้งแสดงคือเครื่องบินฝึก 2 เครื่องยนต์ แบบ DA-42 ของโรงเรียนการบิน
ไฮไลท์ของการบินโชว์ที่นี้ก็ต้องเป็นการแสดงการบินของเครื่องบินรบแบบกริปเป้น ที่นำโดยการบินผาดแผลงจากฝีมือการบินมือบินผาดแผลง ร.อ. ธนาศักดิ์ สีขาว นามเรียกขาน “มาสเตอร์” ที่ทำการบินทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย นอกจากนั้นเป็นการบินการจำลองการโจมตีสนามบินของหมู่บินกริปเป้นจำนวน 2 ลำ ที่ทำการเกาะหมู่อย่างใกล้ชิด การบินโลว์พาส ของกริปเป้น เครื่องบินที่ทำการขึ้นบินเพื่อออกเดินทางไปทำการบินผ่านไปยังหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ที่ทำการร้องขอกองบิน 7 เอาไว้ สลับกับการแสดงการสาธิตการช่วยเหลือนักบินด้วยเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยแบบล่าสุดของกองทัพอากาศ แบบ แอร์บัส EC-725 คาราคัล ที่สาธิตสมรรถนะการบินด้วยการฮ๊อบลอยตัวแบบอัตโนมัติ สามารถต้านแรงลมและลอยตัวอยู่เหนือพื้นที่ช่วยเหลือได้อย่างมั่นคงโดยไม่เสียการทรงตัวเลย สร้างความเชื่อมั่นให้กับอากาศยานแบบนี้ได้เป็นอย่างดี
ในโอกาสนี้ยังเป็นการเปิดตัวระบบอาวุธที่เราอาจไม่ได้เห็นคุ้นตากันนักเนื่องจากเป็นระบบที่ไม่เคยเปิดแสดงต่อสาธารณะชนมาก่อน เช่นการติดตั้งการโหลดอาวุธปล่อยต่อต้านเรือแบบ RB-15F บนกริปเป้น ซึ่งทำให้ JAS-39 ของฝูงบิน 701 เป็นฝูงบินเดียวที่มีขีดความสามารถในการใช้อาวุธปล่อยสมรรถนะสูงนี้ของกองทัพอากาศ และที่เป็นอุปกรณ์ใหม่ที่เปิดตัวพร้อมกับการแสดงการบินที่ดอนเมือง คือ หมวกบินรุ่นใหม่ แบบ คอบบร้า ซึ่งช่วยเสริมขีดความสามารถในการใช้อาวุธทางอากาศของกริปเป้นให้มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น ด้วยรูปทรงที่ทันสมัยแปลกตาทำให้เมื่อเหล่านักบินที่ทำการบินสาธิตในวันนี้เมื่อเดินทางมาถึงพื้นที่จัดงานจึงเป็นจุดสนใจของผู้เข้าร่วมงานและเด็กต่างมารุมล้อมขอถ่ายภาพนักบินกันอย่างอบอุ่น ด้วยรูปทรงที่แปลกตา ทันสมัย ยิ่งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ ของการเป็นกองทัพอากาศยุคใหม่ได้อย่างชัดเจน
ระบบอาวุธใหม่อีกแบบที่เราได้เห็นอย่างใกล้ชิดในวันนี้คือ KS-1C นับเป็นจรวดต่อสู้อากาศยานที่มีพิสัยยิงไกลสุดของประเทศไทยด้วยระยะหวังผลที่ 50 กิโลเมตร นี่เป็นการเปิดตัวเป็นครั้งที่ 2 แล้วหลังจากกองทัพอากาศนำเข้าประจำการเมื่อปีที่ผ่านมา โดยครั้งนี้มีการยกแท่นยิงในตำแหน่งเตรียมยิง ทำให้เห็นรูปทรงของตัวจรวดได้อย่างชัดเจน ซึ่งลูกที่นำมาจัดแสดงนี้เป็นลูกฝึกสำหรับการโหลดที่มีมิติเท่าลูกจริงทุกประการเพียงแต่มีการถ่วงน้ำหนักภายในให้มีน้ำหนักเท่าลูกจริงโ ดยไม่มีชุดหัวรบและดินขับอยู่ภายใน
แม้จะมีอากาศยานที่นำมาจัดแสดงไม่มากแบบนักหากเทียบกับการจัดแสดงของส่วนกลาง แต่สำหรับในพื้นที่แล้วกิจกรรมงานวันเด็กของกองบินนับได้ว่ามีองค์ประกอบของการจัดแสดงงานการบินที่สมบูรณ์แบบ ทั้งการจัดการบริหารห้วงอากาศให้มีกิจกรรมการบินได้ตลอดทั้งวัน มีอากาศยานที่ทันสมัยมาแสดงการบินได้อย่างตื่นตาตื่นใจ เด็กๆ และผู้ชมสามารถสัมผัสกับบรรยากาศของการบินได้อย่างใกล้ชิด ช่วยสร้างเสริมความเข้าใจในกิจกรรมการบินของกองทัพอากาศกับประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี /ที่มา: ThaiArmedForce.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น