หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2561

OPLOT-T ชุดสุดท้าย 6 คัน ทดสอบในไทยเรียบร้อยแล้ว

OPLOT-T ชุดสุดท้าย 6 คัน ทดสอบในไทยเรียบร้อยแล้ว...รถถังหลัก OPLOT-T ชุดสุดท้าย จำนวน 6 คัน ได้ทำการทดสอบขีดความสามารถและสมรรถนะ ที่สนามทดสอบบ้านภักดีแผ่นดิน จ.สระแก้ว แล้วเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา โดยได้มีการทดสอบวิ่งในภูมิประเทศ การทดสอบยิงอาวุธปืน 12.7 มม. และการยิงปืนใหญ่รถถัง 125 มม. ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีคณะกรรมการของกองทัพบกเป็นผู้ตรวจสอบ หลังจากนี้รถถัง OPLOT-T ทั้ง 6 คัน ก็จะเข้าประจำการครบตามจำนวน 49 คัน ที่กองทัพบกสั่งซื้อในกองพันทหารม้าที่ 2 รอ. /Photo: Sompong Nondhasa
ช็อตเด็ด...หมัดเด็ด! รถถัง OPLOT-T ล็อตสุดท้าย 1 ใน 6 คัน กำลังทำการยิงปืนใหญ่รถถังลำกล้องเรียบแบบ 2A46M-1 ขนาด 125 มม. ในการทดสอบสมรรถนะก่อนการส่งมอบให้กองทัพบก ที่สนามฝึกบ้านภักดีแผ่นดิน จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา…Photo Sompong Nondhasa
---------------------------------------------------------
ส่องข้อมูล...Main Battle Tank OPLOT-M รถถัง ยูเครน 1 กองพัน ของกองทัพบกไทย....“Bulwark=Oplot “ป้อมปราการ ฐานที่มั่นสำหรับต่อสู้กับข้าศึก”
สิ้นสุดการรอคอย!! ...รถถังหลัก (Main Battle Tank) OPLOT-M ของกองทัพบกไทย มีลงนามในความตกลงเลขที่ 2/2011, USE-18.2-143-K/KE-11 กับรัฐบาลประเทศยูเครน ซึ่งเป็นการจัดหาแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 234.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อใช้เป็นรถถังหลักทดแทนรถถังแบบ M41 จำนวน 1 กองพัน โดยบรรจุให้ประจำการที่ กองพันทหารม้าที่ 2 กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ม.พัน 2 พล.ร.2รอ.) มีการลงนามเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2554 และมีกำหนดส่งมอบภายในวันที่ 2 สิงหาคม 2557 โดยมีรายการสิ่งของที่ทางรัฐบาลยูเครนจะต้องส่งมอบให้กับ กองทัพบกไทย คือ รถถังหลัก OPLOT จำนวน 49 คัน รถกู้ซ่อม BREM จำนวน 2 คัน รถสนับสนุนและซ่อมบำรุงแบบที่ 1 จำนวน 2 คัน รถสนับสนุนและซ่อมบำรุงแบบที่ 2 จำนวน 2 คัน เครื่องช่วยฝึก 1 ชุด การอบรมการใช้งานในประเทศไทย และประเทศผู้ผลิต 1 หลักสูตร
แต่เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดจากวิกฤตการณ์ไครเมียร์ ส่งผลกระทบกับการผลิตของ รถถังหลัก OPLOT เนื่องจากโรงงานผลิตอยู่ใกล้กับพื้นที่ความไม่สงบมาก ทำให้เกิดความล่าช้าต่อการผลิตและส่งมอบ รถถังหลัก OPLOT ให้กับประเทศไทย แต่ในที่สุดรถถังหลักทั้งหมดก็ได้ถูกส่งมอบให้กับประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ในเดือนกรกฎาคม 2561 รวม 51 คัน
รถถังหลัก OPLOT ได้รับการออกแบบโดยรัฐบริษัท Kharkiv Morozov Machine Building Design Bureau (KMDB) และทำการสร้างโดย Malyshev Plant ของประเทศยูเครน คำว่า “OPLOT” เป็นภาษายูเครน ที่ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า “Bulwark” หมายถึง “ป้อมปราการหรือที่มั่นสำหรับต่อสู้กับข้าศึก”
OPLOT เป็นรถถังหลักยุคใหม่ที่มีความทันสมัย ถูกออกแบบให้เป็นรถถังที่มีอำนาจการยิงที่รุนแรงและแม่นยำ มีระบบป้องกันตัวเองที่เชื่อถือได้ และมีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่สูง สามารถปฏิบัติการในทุกพื้นที่และทุกสภาวะอากาศ
โดยสามารถปฏิบัติการในพื้นที่ ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3,000 เมตร และในสภาวะที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันอย่างมาก ตั้งแต่ -40 องศาเซลเซียส ถึง + 55 องศาเซลเซียส
รถถังหลัก OPLOT เป็นรถถังที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากรถถังหลักรุ่น T-64 ซึ่งเป็นรถถังที่ใช้ระบบบรรจุกระสุนแบบอัตโนมัติ (Autoloader) รุ่นแรกของโลก จนมาถึงรถถัง รุ่น T-80UD ก่อนจะมาเป็นรถถัง OPLOT
ในปัจจุบัน รถถังหลัก OPLOT รุ่นใหม่นี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมหลายอย่าง เช่น ป้อมปืนใหม่ เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ เกราะปฏิกิริยาใหม่ กล้องเล็งใหม่ ระบบต่อต้านการตรวจการณ์ด้วยสายตา “Varta” ที่สามารถป้องกันการตรวจจับ หรือการเล็งเกาะเป้าหมาย (Tracking) ด้วยแสงเลเซอร์ และมีระบบก่อกวนคลื่นอินฟราเรด ที่นิยมใช้ในระบบอาวุธนำวิถีต่อสู้รถถังทั่วๆไปได้อีกด้วย ทำให้รถถังหลัก OPLOT มีความอยู่รอดในสนามรบได้สูง
องค์ประกอบหลัก ที่สำคัญของ รถถังหลัก OPLOT ประกอบด้วย
· อำนาจการยิง (Fire Power)
· การป้องกันตนเอง (Protection)
· ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ (Mobility)

Fire Power อำนาจการยิง ของรถถังหลัก OPLOT ประกอบด้วย ระบบอาวุธหลัก และระบบอาวุธรอง
อาวุธหลัก
ปืนใหญ่รถถังแบบลำกล้องเรียบ ขนาด 125 มม. แบบ KBA-3 ผลิตโดยประเทศยูเครน ใช้การบรรจุกระสุนแบบอัตโนมัติ (Autoloader ) ความเร็วในการยิง 8 นัด/นาที สามารถทำการยิงกระสุนได้ 4 ชนิดได้แก่
· APDSFS
· HEAT
· HE-FRAG
· ATGM (Anti-Tank Guided Missiles)

อาวุธรอง
· ปืนกลร่วมแกน แบบ KT-7.62 (PKT) ขนาด 7.62 มม.
· ปืนกลต่อสู้อากาศยานแบบ KT-12.7 ขนาด 12.7 มม. แบบควบคุมจากภายในตัวรถ (Remote Control)

ระบบป้องกันตนเอง (Protection)
จากการถูกยิงด้วยกระสุนชนิดต่างๆ จากรถถังข้าศึก ประกอบไปด้วย เกราะแบบหลายชั้น , เกราะปฏิกิริยาชนิดป้องกันหัวรบแบบ Tandem ที่ได้รับการติดตั้งจากโรงงาน (BATW-ERA) เกราะป้องกันทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นการป้องกันเชิงรับ รถถังหลัก OPLOT 
ยังมีระบบป้องกันตนเองเชิงรุก ได้แก่ ระบบต่อต้านการโจมตีโดยอาวุธนาวิถีที่ใช้สายตาในการควบคุม (Optronic) ที่เรียกว่า “Varta” ระบบนี้เป็นระบบการแจ้งเตือนการถูกเล็งเกาะเป้าหมาย (Tracking) ด้วยแสงเลเซอร์ มีระบบการรบกวนคลื่นอินฟราเรด และการสร้างฉากควัน นอกจากนั้นรถถังหลัก OPLOT ยังมีระบบป้องกัน นชค., ระบบช่วยลดการมองเห็นจากข้าศึก โดยการใช้สีพรางตัวแบบพิเศษ ระบบป้องกันการแผ่รังสีความร้อนจากเครื่องยนต์ ตาข่ายพรางแบบพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับรถถังหลัก OPLOT โดยเฉพาะ และยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์เพื่อกวาดทุ่นระเบิดได้ด้วย
ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ (Mobility) รถถังหลัก OPLOT ใช้เครื่องยนต์ที่มีกาลังเครื่องยนต์สูง มีระบบช่วยการทำงานของเครื่องยนต์ ได้แก่ ระบบจ่ายน้ำมัน ระบบป้อนอากาศ ระบบหล่อลื่น ระบบให้ความเย็น ระบบระบายแก๊สจากเครื่องยนต์ ระบบให้ความร้อนเครื่องยนต์เบื้องต้น และระบบทำความเย็นในห้องทำงานพลประจำรถ รถถังหลัก OPLOT มีจุดเด่นที่สามารถเคลื่อนที่ถอยหลังได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากการออกแบบชุดส่งกำลังที่ประกอบไปด้วย เกียร์ เฟืองท้ายส่งกำลังถอยหลัง ที่ทำงานร่วมกันกับระบบควบคุมการเคลื่อนที่สลับซับซ้อน เช่น เฟืองขับ ระบบสายพาน ระบบพยุงตัวรถ
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์พิเศษอื่นๆ อีกเช่น อุปกรณ์สำหรับลุยน้ำลึก อุปกรณ์นำวิถี (นำวิถีด้วยไจโร) อุปกรณ์ตรวจการณ์ด้วยสายตาเวลากลางวัน อุปกรณ์ช่วยขับเวลากลางคืน อุปกรณ์เป่าลมที่ช่วยทำความสะอาดอุปกรณ์ตรวจการณ์ด้วยสายตาของป้อมปืนและตัวรถ ระบบนำวิถีด้วยดาวเทียม ( GPS )
นอกจากนั้นแล้วรถถังหลัก OPLOT ยังมีระบบอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานต่างๆ
ระบบป้อนกระสุนปืนใหญ่รถถัง
เป็นระบบที่ทำการป้อนกระสุนให้กับปืนใหญ่รถถังโดยอัตโนมัติ ประกอบไปด้วยสายพาน เครื่องบรรจุกระสุนอัตโนมัติและระบบควบคุม ซึ่งเป็นชนิด กลไกไฟฟ้าไฮดรอลิค ด้วยมุมบรรจุคงที่ มีแบบของกระสุนจำนวน 4 แบบ ความจุกระสุนในช่องใส่กระสุนพร้อมยิง (Carousel) จำนวน 28 นัด การหมุนตัวของช่องใส่กระสุนพร้อมยิง สามารถหมุนได้สองทิศทางที่ความเร็วในการหมุนประมาณ 25-33 องศาต่อวินาที อัตราเร็วในการบรรจุกระสุนประมาณ 7 วินาที ต่อนัด 
การคัดปลอกกระสุนเมื่อทำการยิงแล้ว จะถูกนำกลับไปใส่ไว้ในช่องว่างในถาดป้อนกระสุน ซึ่งจะไม่เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติการของพลประจำรถ ชนิดของการป้อนกระสุนแบบสองหัวรบเรียงตามกัน ป้อนกระสุนและดินส่งพร้อมกันในหนึ่งรอบ ระบบขับอุปกรณ์ป้อนกระสุน สามารถทำการป้อนใส่ช่องกระสุนพร้อมยิง (Carousel) ด้วยมือ โดยเวลาที่ใช้ในการเติมกระสุนลงช่องใส่กระสุนพร้อมยิง (Carousel) (ในโหมดเติมกระสุน) 15-20 นาที ระบบควบคุมการป้อนกระสุนติดตั้งเอาไว้ในรถถัง เพื่อทำการควบคุมกลไกและไฮดรอลิคของระบบป้อนกระสุน ควบคุมวงรอบการยิงปืนใหญ่และปืนกลร่วมแกน เก็บข้อมูลเกี่ยวกับชนิดกระสุนที่ถูกบรรจุเอาไว้ในช่องใส่กระสุนพร้อมยิง (Carousel)
ระบบควบคุมการยิงของปืนใหญ่รถถัง เป็นระบบที่ได้รับการปรับปรุงให้สามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ สำหรับการควบคุมระบบอาวุธทั้งการยิงมุมสูงมาก หรือในมุมยิงทางข้างภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ของการยิงนอกเหนือไปจากการยิงแบบมาตรฐาน ผู้บังคับรถสามารถทำการควบคุมปืนใหญ่รถถังและปืนกลร่วมแกน แยกจากพลยิงได้โดยตรง และยังสามารถทำการยิงปืนกลต่อสู้อากาศยานได้จากสถานีผู้บังคับรถ
· เมื่อทำการเล็งอย่างประณีตตั้งแต่ 0.05 ถึง 1 องศา/วินาที ใช้เวลามากที่สุดไม่เกิน 3 องศา/วินาที
· มุมทิศ ไม่ต่ากว่า 0.05 องศา/วินาที

เครื่องวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์
สามารถหาระยะได้ตั้งแต่ 400 – 9,000 เมตร ความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 10 เมตร ใช้เวลาเตรียมการภายใน 3 นาที

เวลาในการเตรียมการยิงสำหรับกระสุนนัดแรกของปืนใหญ่รถถัง
· เมื่อรถถังอยู่กับที่ ใช้เวลาในการเตรียมการประมาณ 10-12 วินาที
· เมื่อรถถังเคลื่อนที่ใช้เวลาในการเตรียมการประมาณ 10-15 วินาที

ระยะยิงหวังผลของปืนใหญ่รถถังในกระสุนแต่ละประเภท
· กระสุน APDSFS มีระยะยิงหวังผล 2,800 เมตร
· กระสุน HEAT มีระยะยิงหวังผล 2,600 เมตร
· กระสุน HE-FRAG มีระยะยิงหวังผล 2,600 เมตร

เครื่องควบคุมการยิง ประกอบไปด้วย กล้องเล็งกลางวันแบบ 1G46M ของพลยิง, กล้องเล็งสร้างภาพด้วยรังสีความร้อนแบบ PTT-2, กล้องเล็งและตรวจการณ์ของผู้บังคับรถแบบ PNK -6, ศูนย์เล็งปืนกลต่อสู้อากาศยานแบบ PZU -7, ระบบควบคุมการยิงปืนกลต่อสู้อากาศยานแบบ 1ETs 29M1, คอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิธีแบบ LIO–V พร้อมด้วยเซ็นเซอร์ป้อนข้อมูล, อุปกรณ์รักษาการทรงตัวของอาวุธแบบ 2E42M และอื่นๆ
กล้องเล็งของพลปืน แบบ 1G46M
ติดตั้งระบบการทรงตัวแบบสองแกนตามแนวสายตา ทำงานร่วมกับอุปกรณ์วัดระยะด้วยเลเซอร์ และยังทำหน้าที่ในการนำวิถีจรวดต่อสู้รถถังได้อีกด้วย ติดตั้งอุปกรณ์คำนวณแก้การเอียงของปืนแบบอัตโนมัติ กล้องเล็งมีกำลังขยายตั้งแต่ 2.7-12 เท่า ภายในกล้องเล็งของพลยิงจะแสดงข้อมูลต่างๆ เช่น เส้นเล็งแบบมีมาตราสำหรับใช้ยิงกระสุนชนิดต่างๆ เช่นเดียวกับข้อมูลสำหรับปืนกลร่วมแกน 
โดยเส้นเล็งแบบมาตรานี้มีประโยชน์ในการใช้เป็นระบบวัดระยะสำรองในกรณีที่ เครื่องวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์ใช้งานไม่ได้ ช่องเล็งได้มีการติดตั้งเซ็นเซอร์แสง เพื่อป้องกันกล้องเล็งจากแสงวาบจากประกายไฟจากการยิงของอาวุธของตัวเอง โดยจะปิดกล้องเล็งเมื่อมีการยิง อุปกรณ์วัดระยะด้วยเลเซอร์มีระยะปฏิบัติการถึง 9,990 เมตร คลาดเคลื่อนเพียง +/- 10 เมตร ระยะที่วัดได้จะแสดงเป็นตัวเลขพร้อมๆ กับข้อมูลการเตรียมการยิงอื่นๆ เช่น ชนิดของกระสุนที่ส่วนล่างของกล้องพลยิง
กล้องเล็งสร้างภาพด้วยความร้อนแบบ PTT-2 ประกอบไปด้วยกล้องเล็งของพลยิง และจอมอนิเตอร์ของผู้บังคับรถรวมทั้งแผงควบคุม โดยปกติกล้องนี้จะถูกควบคุมการทำงานโดยพลยิง แต่ผู้บังคับรถสามารถควบคุมได้ด้วยไม่ว่าจะเป็นการเล็ง หรือทำการยิงทั้งปืนใหญ่รถถังหรือปืนกลร่วมแกน โดยใช้ระบบควบคุมและจอมอนิเตอร์สร้างภาพด้วยรังสีความร้อนของผู้บังคับรถเอง กล้องเล็งสร้างภาพด้วยรังสีความร้อนนี้ช่วยให้ทั้งพลยิงและผู้บังคับรถสามารถทำการยิงได้อย่างแม่นยำในทัศนะวิสัยทำจำกัด เช่น มีหมอกควัน หรือการปฏิบัติในเวลากลางคืน รวมทั้งการปฏิบัติงานในลักษณะ Hunter killer ได้
กล้องตรวจการณ์ของผู้บังคับรถแบบ PNK -6 เป็นระบบกล้องเล็งและตรวจการณ์ของผู้บังคับรถ โดยผสมผสานกล้องกลางวันและกล้องกลางคืนแบบ TKN -5 ไว้ด้วยกัน มีระบบรักษาการทรงตัวของกล้อง โดยกล้องกลางวันมีกาลังขยาย 7.6 เท่า และกล้องกลางคืนมีกาลังขยาย 5.8 เท่า กล้องตรวจการณ์นี้จะทำงานร่วมกันกับเครื่องวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์
ระบบอาวุธนำวิถีของรถถัง ระบบนี้มีไว้เพื่อใช้ทำการยิงอาวุธนำวิถีจากลำกล้องปืนใหญ่รถถัง ด้วยการเล็งจากกล้องเล็งแบบ 1G46M ของพลยิง อาวุธนำวิถีที่ใช้ยิงเป็นแบบ IZD 621, 3UBK 14, 3UBK 20 ชนิดหัวรบแบบระเบิดต่อสู้รถถัง (HEAT ระบบนำวิถีเป็นแบบกึ่งอัตโนมัตินำวิถีด้วยแสงเลเซอร์ ระยะยิงไกลสุด 5,000 เมตร ซึ่งเป็นระยะยิงที่ไกลกว่าระยะของปืนใหญ่รถถัง ทำให้รถถังหลัก OPLOT มีความได้เปรียบในการรบมากกว่ารถถังอื่นๆ
เครื่องคำนวณขีปนวิธีของรถถังแบบ TIUS-VM เป็นเครื่องที่ใช้ในการคำนวณแก้ค่าขีปนวิธีของกระสุนปืนใหญ่รถถัง โดยคอมพิวเตอร์แบบ LIO-V จะนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ จากระบบเซ็นเซอร์ที่วัดค่าได้ เช่น ความเร็วรถถัง, ความเร็วเชิงมุมของเป้าหมาย, อาการเอียงของแกนลำกล้องปืนใหญ่, ความเร็วของลมพัดขวาง, ระยะเป้าหมาย และมุมภาคของเป้าหมาย นอกจากนั้นข้อมูลอื่นๆ ก็จะถูกนำเข้าด้วยการป้อนด้วยมือ เช่น อุณหภูมิโดยรอบ, อุณหภูมิดินส่งกระสุน, อาการสึกของลำกล้องปืนใหญ่ และความดันของอากาศโดยรอบเป็นต้น นอกจากนี้คอมพิวเตอร์ยังทำการคำนวณเวลาที่เหมาะสมสำหรับกระสุนแบบ ดินระเบิดแรงสูงแบบมีสะเก็ด ( HE-FRAG ) ให้ระเบิดเหนือเป้าหมายได้อีกด้วย ระบบควบคุมการยิงมีประสิทธิภาพสูง เมื่อปุ่มไกปืนถูกกด ปืนจะทำการยิงก็ต่อเมื่อมีการแก้ค่าความแตกต่างระหว่าง แนวเส้นเล็งกับแนวแกนปืนใหญ่รถถังอยู่ในย่านที่ยอมรับได้เท่านั้น ตัวลำกล้องปืนใหญ่รถถังอาจทำงานผิดเพี้ยนไปได้ด้วยสาเหตุต่างๆ เช่น ความร้อนจากการยิง, ฝนตกบนพื้นผิว, การแพร่กระจายคลื่นความร้อน หรือลมพัดขวาง เป็นต้น จึงได้มีการนำเอาแผ่นกันความร้อนลำกล้องมาใช้ และเพื่อแก้ไขอาการคลาดเคลื่อนที่มีสาเหตุมาจากความร้อนที่แพร่ออกจากลำกล้องปืนใหญ่ รถถังหลัก OPLOT จึงได้มีการติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์ที่ปากลำกล้องเพื่อส่งข้อมูลเกี่ยวกับการคลาดเคลื่อนของลำกล้องให้กับคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิถีทำการแก้ไขในทันที
เซ็นเซอร์ป้อนข้อมูลคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิธีปืนใหญ่
เครื่องวัดมุมเอียง (Cant Sensor) ตัวเซ็นเซอร์นี้ทำหน้าที่ตรวจจับตำแหน่งของการเอียงของปืน ทั้งสองแนวระนาบ เพื่อป้อนให้กับคอมพิวเตอร์คำนวณการยิง
เครื่องวัดความเร็วลมทางข้าง (Cross Wind Sensor) ทำหน้าที่วัดความเร็วลมที่เกิดการพัดขวาง เพื่อป้อนข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิถีของปืนใหญ่รถถัง
เครื่องวัดความเร็วรถถัง (Tank Speed Sensor) ทำหน้าที่วัดความเร็วรถถังในขณะเคลื่อนที่ เพื่อป้อนข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิถีของปืนใหญ่รถถัง
สำหรับการยิงในขณะเคลื่อนที่
เครื่องวัดค่าตำแหน่งป้อมปืนเชิงมุม (Turret Attitude Sensor) ทำหน้าที่วัดตำแหน่งเชิงมุมของป้อมปืนที่ทำกับตัวรถ (มุมป้อมปืน) เพื่อป้อนให้กับคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิถีปืนใหญ่รถถัง
ระบบจุดอ้างปากลำกล้อง (Muzzle Reference System : MRS) ระบบนี้จะทำหน้าที่ในการวัดค่าการเบี่ยงเบนของลำกล้อง เพื่อทำการป้อนข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิธีปืนใหญ่รถถัง
แผ่นเกราะปฏิกิริยา (ERA)
ประกอบด้วยโมดูลผลึกแก้วและแผ่นชายน้ำที่ติดเอาไว้ที่ตัวรถ เช่นเดียวกับชุดเกราะที่นำมาติดไว้ที่ด้านนอกของป้อมปืนด้านหน้า, ด้านข้างและด้านบนของป้อมปืน เกราะปฏิกิริยาแบบ Nozh ติดตั้งเอาไว้บริเวณตำแหน่งต่างๆ เพื่อป้องกันหัวรบแบบ Shape Charge จากกระสุนระเบิดต่อสู้รถถัง (HEAT) ทุกแบบ และกระสุนเจาะเกราะทรงตัวตัวด้วยครีบหางสลัดครอบทิ้งเอง (APFSDS) เกราะปฏิกิริยาแบบ Nozh ที่เป็นส่วนหนึ่งของชุดเกราะ จะไม่ระเบิดเมื่อถูกยิงด้วยกระสุน 12.7 มม., 30 มม. ชนิดเจาะเกราะ รวมทั้งสะเก็ดของกระสุนขนาดต่างๆ เกราะ Nozh จะถูกเก็บเอาไว้ในกล่องเก็บ หรือไว้ในตัวรถถังเพื่อป้องกันแสงอาทิตย์ หรืออุณหภูมิที่แตกต่างกันมากตั้งแต่ -50 ถึง+55 องศาเซลเซียส และยังสามารถเก็บรักษาเอาไว้ในสภาพความชื้นสูงถึง 100 % ที่อุณหภูมิ +35 องศาเซลเซียส เกราะ Nozh นี้สามารถรักษาคุณสมบัติเหล่านี้เอาไว้ได้นานถึง 10 ปี

ระบบป้องกันอาวุธนิวเคลียร์ชีวะเคมี (นชค.) ทำหน้าที่ป้องกันพลประจำ และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถจากผลของอาวุธนิวเคลียร์, ฝุ่นกัมมันตภาพรังสี, สารพิษและอาวุธชีวภาพ เช่น เดียวกับการตรวจหาและดับไฟในห้องปฏิบัติการของ พลประจำรถถัง และในห้องเครื่องยนต์ ด้วยระบบป้องกันต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นทำให้ รถถังหลัก OPLOT ถือได้ว่าเป็นรถถังที่ได้รับการป้องกันดีที่สุดแบบหนึ่งในโลก
ระบบช่วยนำทางแบบ TIUS (TIUS-NM Navigation Support System)
ระบบช่วยนำทางด้วยดาวเทียม GLONASS และ GPS NAVSTAR ระบบนี้จะแสดงข้อมูลให้กับผู้บังคับรถทั้งตำแหน่งที่อยู่ของรถถัง, มุมภาคทิศ และตำแหน่งต่างๆ ของกำลังฝ่ายเดียวกัน ช่วยให้ง่ายต่อการควบคุมการดำเนินกลยุทธ์ของหน่วยรถถัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องมีการปฏิบัติการในสภาพที่มีการสู้รบอย่างรุนแรง ที่ต้องทำการปิดป้อม, ในเวลากลางคืน หรือในพื้นที่หมอกควันปกคลุมหนาแน่น นอกจากนั้นระบบยังแสดงข้อมูลอื่นๆ เช่น ทิศทางการเคลื่อนที่เข้าหาที่หมายที่ได้เลือกเอาไว้ล่วงหน้า ระบบช่วยนำวิถีนี้ยังช่วยให้ผู้บังคับรถถังสามารถส่งข้อมูล (รวมถึงข้อมูลที่เข้ารหัส) ผ่านทางช่องการติดต่อสื่อสารแบบดิจิตอล โดยใช้ชุดวิทยุมาตรฐานที่ติดอยู่ในรถ เพื่อรองรับกับระบบ C5I ในอนาคต

ระบบสื่อสาร
ระบบสื่อสารประกอบไปด้วยชุดวิทยุ ที่สามารถติดตั้งระบบวิทยุตามที่ลูกค้าต้องการได้ทุกประเภท และยังมีระบบติดต่อภายในรถ หรืออินเตอร์คอม

ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกันกับประเทศต่างๆ
รถถังหลัก OPLOT สามารถติดตั้งอุปกรณ์ได้อย่างหลากหลาย เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการและตอบสนองได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า รถถังหลัก OPLOT จึงสามารถติดตั้งอุปกรณ์ที่ผลิตโดยโรงงานในประเทศต่างๆ ที่เป็นผู้นำในแต่ละชนิดอุปกรณ์ ตัวอย่างเช่น
· กล้องสร้างภาพด้วยรังสีความร้อน ผลิตโดยบริษัท THALES ประเทศฝรั่งเศส
· ระบบติดต่อสื่อสารภายในของพลประจำรถ และชุดวิทยุสื่อสารทางยุทธวิธีแบบดิจิตอล ผลิตโดยบริษัท THALES ฝรั่งเศส
· ปืนกล ผลิตโดย FN HERSTAL ประเทศเบลเยียม
· อุปกรณ์นำวิถี ผลิตโดยบริษัท LITEF ประเทศเยอรมัน
· เซ็นเซอร์วัดสภาพอากาศ ผลิตโดยบริษัท IRDAM ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
รถถังหลักแบบ OPLOT ได้เคยผ่านการทดสอบมาอย่างหนักในหลายภูมิภาค เช่น ตุรกี, มาเลเซีย และกรีซ จากการทดสอบได้แสดงให้เห็นว่ารถถังหลัก OPLOT นั้นสามารถปฏิบัติการได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นในภูมิภาคยุโรป, เอเชียและในที่อื่นๆ สามารถปฏิบัติการได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกๆ สภาพอากาศ และในทุกๆ สภาพภูมิประเทศ การออกแบบของรถถังหลัก OPLOT เน้นความอ่อนตัวที่สามารถปรับแต่งให้ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ เพื่อให้เข้ากับภารกิจที่แตกต่างกันออกไป ความอ่อนตัวเพื่อการส่งออกเหล่านี้ได้แก่ ระบบปรับอากาศ, ระบบนำวิถีแบบก้าวหน้าของเยอรมัน, ปืนกลร่วมแกน และปืนกลต่อสู้อากาศยานของเบลเยียม, ชุดวิทยุที่ออกแบบโดยฝรั่งเศส, อิสราเอล ฯลฯ รถถังหลัก OPLOT ถูกออกแบบโดยเน้นระบบเป็นแบบชุดสำเร็จรูป (Modular) ช่วยให้การสับเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสนองตอบการปรับเปลี่ยนไปตามภัยคุกคามที่พัฒนาไปไม่หยุดยั้ง เช่น อาวุธนำวิถีต่อสู้รถถัง หรือแม้แต่การปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการของแต่ละกองทัพก็สามารถทำได้ง่าย โดยคงไว้ซึ่งอำนาจการยิง, การป้องกัน และความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่
ปัจจุบันมีการพัฒนาปรับปรุงขีดความสามารถทางเทคนิคอยู่หลายรายการ รวมถึงระบบปฏิบัติการในสนามรบที่ทำงานร่วมกับแผนที่ดิจิตอล ทำให้ผู้บังคับรถมีความเข้าใจสถานการณ์การรบดีขึ้น ทำให้รถถังสามารถตอบสนองความต้องการทางยุทธวิธีได้อย่างรวดเร็ว ลดภาระการทำงานของพลประจำลงรวมถึงความเสี่ยงในการยิงฝ่ายเดียวกัน, ระบบควบคุมติดตามเป้าหมายแบบอัตโนมัติในระบบควบคุมการยิง จะช่วยยกระดับความสามารถในการยิงเป้าหมายที่กำลังเคลื่อนที่ ลดความผิดพลาดในการติดตามเป้าหมายของพลยิงลง, การพิสูจน์ฝ่ายในสนามรบ, ระบบจัดการเครื่องยนต์แบบอิเลคทรอนิคส์, ระบบติดต่อสื่อสารแบบดิจิตอลระหว่างรถถัง, รวมทั้งระบบอำนวยการรบ BMS และระบบควบคุมสั่งการ C5I

คุณลักษณะทางเทคนิคของรถถัง OPLOT
ประเภท : รถถังหลัก (Main Battle Tank : MBT)
· น้ำหนักรวม : 48 ตัน +-3%
· พลประจารถ : 3 นาย
· อัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนัก : ไม่ต่ำกว่า 18.2 kw / ตัน (24.7 แรงม้า/ตัน)
· น้ำหนักกดบนพื้นดิน : ระหว่าง 0.097 MPa ( 0.097 kg/ cm2 )
· อุณหภูมิใช้งาน : -40 ถึง +55 องศาเซลเซียส
ความยาว :
· ปืนใหญ่หันไปข้างหน้า 9,720 มม.
· ปืนใหญ่หันไปข้างหลัง 9,750 มม.
· ตัวรถ 7,075 มม.
ความกว้าง ความยาว ความสูง :
· ความกว้างไม่รวมชายน้ำด้านข้างแบบถอดได้ 3,400 มม.
· ความกว้างรวมชายน้ำด้านข้างแบบถอดได้ 4,275 มม.
· ความสูง วัดถึงกล้องตรวจการณ์ผู้บังคับรถ 2,800 มม.
· ความยาวของสายพานบนพื้น 4,290 มม.
· ท้องรถสูงพ้นพื้น 470–500 มม.
· สายพาน 2,800 มม.
อาวุธ :
· ปืนใหญ่ลำกล้องเรียบแบบ 2A46M-1 ( KBA-3 ) ขนาด 125 มม. 1 กระบอก (สามารถยิงอาวุธนำวิถีต่อสู้รถถังได้)
· ปืนกลร่วมแกนแบบ PKT ( KT-7.62 ) ขนาด 7.62 มม. 1 กระบอก
· ปืนกลแบบ NSVT ( KT-12.7 ) ขนาด 12.7 มม. 1 กระบอก
· เครื่องยิงลุกระเบิดควัน 12 ท่อยิง
ความเร็วในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า :
· เฉลี่ย (บนถนนดินธรรมชาติ) 40-45 กม./ชม.
· สูงสุด (บนถนนพื้นแข็ง) 70 กม./ชม.
ความเร็วในการเคลื่อนที่ไปเมื่อใช้เกียร์ถอยหลัง :
· ต่ำสุด 4.8 กม./ชม.
· สูงสุด 31.3 กม./ชม.
ความสิ้นเปลืองน้ามันเพลิงต่อ 100 กม. :
· บนถนนดินธรรมชาติแห้ง 325-370 ลิตร
· บนถนนผิวแข็ง ไม่เกิน 300 ลิตร
ระยะปฏิบัติการ :
· บนถนนดินธรรมชาติ :
o ใช้น้ำมันเชื่อเพลิงจากรถถังหลัก 350 กม.
o ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากถังอะไหล่เพิ่ม 450 กม.
· บนถนนผิวแข็ง :
o ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากรถถังหลัก 400 กม.
o ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากถังอะไหล่เพิ่ม 500 กม.
การข้ามเครื่องกีดขวาง :
· ลาดชัน 58 องศา
· ลาดทางข้าง 25 องศา
· ข้ามคู กว้าง 2.85 เมตร
· เครื่องกีดขวางแนวตั้ง (สูง) 1 เมตร
· ลุยน้ำลึก (โดยไม่ต้องเตรียมการ) 1.8 เมตร
· ลุยน้ำลึกโดยใช้อุปกรณ์ลุยน้า 5 เมตร โดยไม่จำกัดความกว้าง และระยะทาง
กระสุน :
· กระสุนสำหรับปืนใหญ่รถถัง : ทั้งหมด 46 นัด (28 นัดในช่องใส่กระสุนพร้อมยิง (Carousel) สำหรับเครื่องบรรจุกระสุนอัตโนมัติ)
· ชนิดของกระสุนปืนใหญ่รถถัง :
o APDSFS
o HEAT
o HE-FRAG
o ATGM (Anti-Tank Guided Missiles)
• กระสุนสำหรับอาวุธอื่นๆ :
o ปืนกล KT – 7.62 จานวน 1,250 นัด
o ปืนกล KT – 12.7 จานวน 450 นัด
o ปืนไรเฟิลแบบ AKS จานวน 450 นัด
o กระสุนปืนยิงพลุสัญญาณ จานวน 12 นัด
o ระเบิดมือแบบ F-1 จานวน 10 ลูก
o ระเบิดสำหรับสร้างฉากควัน จานวน 12 ลูก /
Wassana Nanuam

1 ความคิดเห็น:

  1. I found your weblog site on google and verify a number of of your early posts. Continue to maintain up the excellent operate. I simply extra up your RSS feed to my MSN Information Reader. Looking for forward to reading extra from you in a while!… gsn casino

    ตอบลบ