หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2562

กองทัพเรือ ขึ้นระวางประจำการ "เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช" เรือรบหมายเลข 1 แห่งราชนาวีไทย

NEWS - สุดยิ่งใหญ่! กองทัพเรือ ขึ้นระวางประจำการ "เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช" เรือรบหมายเลข 1 แห่งราชนาวีไทย
***เมื่อวันที่ 7 ม.ค.62 กองทัพเรือ โดย พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานในพิธีต้อนรับ และขึ้นระวางประจำการ “เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช” หมายเลข 471 เรือฟริเกตสมรรถนะสูงลำใหม่ แห่งราชนาวีไทย ที่เดินทางกลับจากบริษัทต่อเรือประเทศเกาหลีใต้ ณ ปรัมพิธีที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ ภายในท่าเทียบเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี... โดยมี ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นของกองทัพเรือ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการ ญาติพี่น้องกำลังพลเรือ และประชาชนในพื้นที่ มาร่วมให้การต้อนรับด้วยความปลาบปลื้มใจ
***สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชานุญาติ และวินิจฉัยชื่อ เรือหลวงลำใหม่นี้ว่า “เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช” เป็นเรือฟริเกตสมรรถนะสูง สร้างโดยบริษัท DSME.(DAEWOO Shipbuilding & Marine Engineering CO., LTD.) ของเกาหลีใต้ ภายหลังได้มีการออกแบบตรงกับความต้องการของกองทัพเรือ ตามแนวทางการจัดหายุทโธปกรณ์หลัก สามารถตอบสนองทุกภารกิจกองทัพเรือมากที่สุด มีการพัฒนามาจากเรือพิฆาตชั้น Kwanggaeto Class Destroyer (KDX-I) โดยใช้มาตรฐานทางทหารของสหรัฐฯ และกองทัพเรือเกาหลีใต้ในการต่อเรือ มีระวางขับน้ำสูงสุด 3,700 ตัน ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง 30 นอต ระยะปฏิบัติการประมาณ 4,000 ไมล์ทะเล ทนทะเลได้ถึงสภาวะระดับ 6 ขึ้นไป มีกำลังพลประจำเรือ 136 นาย
***โครงสร้างเรือแข็งแรง มีโอกาสอยู่รอดสูงในสภาพแวดล้อมของการสู้รบ และการปนเปื้อนทางนิวเคลียร์ เคมี ชีวะ สามารถตรวจการครอบคลุมทุกมิติทั้งกลางวันและกลางคืน เนื่องจากมีการติดตั้งระบบอำนวยการรบ และระบบตรวจการณ์ที่ทันสมัย รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงข้อมูลและสื่อสารกับเรือ อากาศยาน และหน่วยบนฝั่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
***อีกทั้ง ยังมีสามารถปฏิบัติการรบได้ทั้ง 3 มิติ ผิวน้ำ ใต้น้ำ และทางอากาศ โดยการปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ สามารถตรวจจับเป้าหมายระยะไกลด้วยโซนาร์ลากท้าย และโซนาร์ติดใต้ท้องเรือ แล้วต่อตีเรือดำน้ำได้ที่ระยะไกลด้วย Vertical Launch Anti-Submarine Rocket หรือตอร์ปิโด ส่วน การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ ใช้เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติระยะไกล และระยะปานกลาง ในการค้นหา ตรวจจับ และติดตามเป้าข้าศึก โจมตีเป้าหมายด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีฯ แบบ ESSM และอาวุธปืนของเรือ
***ด้านการป้องกันตนเองนั้น จะโจมตีด้วยอาวุธปล่อยนำวิถี ปืนใหญ่เรือ และปืนรองต่อสู้อากาศยาน ระบบอาวุธป้องกันระยะประชิด (CIWS) ระบบลวงทางอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมความเสียหายแบบรวมการที่สั่งการได้จากศูนย์กลางหรือแยกสั่งการ มีระบบควบคุมการแพร่สัญญาณออกจากตัวเรือ อีกทั้งสามารตรวจจับ ดักรับ วิเคราะห์ และก่อกวนสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าของเป้าหมายได้
***ด้วยศักยภาพและสมรรถนะที่แข็งแกร่งของ เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช กองทัพเรือ จึงนำไปใช้ในภารกิจสงคราม ป้องกันอธิปไตยเหนืออาณาเขตทางทะเลของไทย รวมถึงการคุ้มกันกระบวนเรือลำเลียง และนอกเหนือจากนั้น ในยามสงบจะดูแลรักษาความมั่นคง และความปลอดภัยของเส้นทางคมนาคมทางทะเล พิทักษ์รักษาสิทธิอธิปไตยทางทะเล ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และบรรเทาภัยพิบัติ
***ณัฐภูมินทร์ / พัชรพล ปานรักษ์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 064-9893235 / 098-8291991/ณัฐภูมินทร์ ปานรักษ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น