ผมเชื่อว่าในอีก 10 - 20 ปี ข้างหน้าหรือมากกว่านี้ ระบบ Gripen ก็ยังจะทันสมัยอยู่ เนื่องด้วยเป็นระบบที่มีความอ่อนตัว คือสามารถปรับปรุงใส่ระบบอุปกรณ์ หรือระบบอาวุธใหม่ๆ เข้าไปได้ ให้ทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นในการจัดหาครั้งนี้เรายังได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เข้าถึงระบบของซอฟแวร์ หรือ Source Code Data ทำให้เราสามารถพัฒนาระบบอาวุธหรืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องบินได้อย่างไม่จำกัด อยู่ที่เราว่าจะทำได้ขนาดไหน และนี่คือสิ่งที่แตกต่างจากการจัดหาระบบเหล่านี้จากแหล่งอื่น หรือจากบางประเทศ...ที่เราได้พึ่งพา และผูกติดอยู่กับระบบของเขามานานเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว ซึ่งผู้ซื้ออย่างเราไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะได้อะไรบ้าง แต่เขาจะเป็นผู้กำหนดว่าจะขายอะไรให้เราบ้าง แม้เราจะมีเงินซื้อก็ตาม
ลำพังเครื่องบิน Gripen เองอาจจะไม่ได้ดีกว่าหรือเหนือกว่าเครื่องบินแบบอื่นไม่ว่าจะเป็น F-16, Su-30 หรือเครื่องบินยุคเดียวกันแบบอื่นๆ คืออาจจะดีกว่าหรือด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกันเฉพาะตัวเครื่องบิน แต่ Gripen จะเหนือกว่าเครื่องบินทุกแบบได้ทันทีเมื่อ Gripen ปฏิบัติการด้วยระบบการป้องกันภัยทางอากาศแบบบูรณาการ อันประกอบด้วย เครื่องบิน Gripen, Erieye, ระบบควบคุมบังคับบัญชา, ข่ายสถานีเรดาร์ภาคพื้นดิน เชื่อมโยงระบบการรับส่งข้อมูลข่าวสารด้วย Datalink เพื่อการรับรู้ รับทราบสถานการณ์ที่ดีกว่า รวดเร็วกว่า ช่วยให้สามารถตัดสินใจหรือดำเนินกรรมวิธีการรบทางอากาศได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง เหมาะสม ในภาวะสถานการณ์รบ ทำให้สามารถใช้อาวุธเข้าทำลายข้าศึกได้ก่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีอยู่ในระบบของ Gripen ที่เราได้จัดหาในครั้งนี้ อีกทั้งระบบที่เราจัดหาก็เข้ากับยุทธศาสตร์การใช้กำลังรบในการป้องกันประเทศในเชิงรับ เพราะเราไม่คิดรุกรานใคร แต่จะเน้นป้องกันตนเอง และให้มีขีดความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคามในทุกรูปแบบที่จะมีขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต
Gripen ได้รับการออกแบบมาอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การออกแบบคุณลักษณะของเครื่องบินที่ถูกออกแบบให้เป็นเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ ที่มีสมรรถนะสูง มีค่าใช้จ่ายในการใช้งานและบำรุงรักษาที่ต่ำ (ไม่สิ้นเปลือง) มีขนาดเล็ก และถูกออกแบบให้ลดการถูกตรวจจับจากเรดาร์และการติดตามจากระบบตรวจจับความร้อน มีความง่ายในการบิน ลดภาระการทำงานของนักบิน เน้นการรับรู้สถานการณ์ ผสานกับแนวคิดการปฏิบัติการด้วยระบบเครือข่ายเป็นศูนย์กลางร่วมกันกับองค์ประกอบอื่นอย่างเป็นระบบได้อย่างลงตัว ทำให้ Gripen เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
เครื่องบิน Gripen จัดเป็นเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์น้ำหนักเบา หรือขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับเครื่องบิน F-18, F-15 หรือ Su-30 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ขนาดกลางหรือขนาดใหญ่กว่า ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องบินขนาดใหญ่นั้นจะสามารถบรรทุกอาวุธได้เป็นน้ำหนักมากกว่า บินไปได้ไกลกว่า ซึ่งคุณลักษณะเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นสำหรับประเทศอย่างเราที่มีขนาดไม่ได้กว้างใหญ่มาก และยุทธศาสตร์ของประเทศเราเน้นการป้องกันตนเอง ไม่คิดรุกรานใคร ดังที่กล่าวข้างต้น เครื่องบินขนาดใหญ่ บรรทุกอาวุธได้คราวละมากๆ บินได้ไกลๆ (แต่สิ้นเปลืองมาก) จึงไม่จำเป็นสำหรับเรา แต่สิ่งที่สำคัญนั้นจะอยู่ที่ขีดความสามารถของระบบเรดาร์หรือระบบตรวจจับ ระบบอาวุธที่ดีมีประสิทธิภาพ (ระยะยิงไกลกว่า) และขีดความสามารถของนักบิน เหล่านี้ต่างหากที่เราจะต้องคำนึงถึงและคงรักษาไว้ให้เหนือกว่าให้ได้ตลอดเวลา...เท่านี้ก็อุ่นใจได้แล้วครับ
เครื่องบินประจำการกองบิน 7
GRIPEN 39 C/D ทั้ง 6 ลำ มาถึงกองบิน 7 แล้ว โดยสวัส...
By Sukom / www.thaidefense-news.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น