- เรือหลวงท่าจีน (ลำที่๓) ถึงไทย ๖ ม.ค.๖๒ นี้ /เรียบเรียงโดย Navy24
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๔ ธ.ค.๒๕๖๑ พลเรือเอก พูลศักดิ์ อุบลเทพชัย ประธานที่ปรึกษากองทัพเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ ทำพิธีรับมอบเรือหลวงท่าจีน ณ อู่ Daewoo Shipbuilding & Marine
Engineering (DSME) เกาหลีใต้ แล้วจะถึงไทย ๖ ม.ค.๒๕๖๒
และเข้าประจำการในกองเริอยุทธการ
ตามแผนยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือในยุคปัจจุบัน มีความต้องการ “เรือฟริเกต” ๒ ลำ เพื่อทดแทนเรือฟริเกตชุด
เรือหลวงพุทธยอดฟ้า และ เรือหลวงพุทธเลิศหล้า ที่ปลดประจำการไปแล้ว และกำลังจะปลดประจำการตามลำดับ และเพื่อความมั่นคงของประเทศ
โครงการจัดหา “เรือฟริเกต” สมรรถนะสูงชุดดังกล่าว กองทัพเรือได้กำหนดสเปกต่างๆ
พร้อมเปิดให้บริษัทอู่ต่อเรือจากต่างประเทศเข้ายื่นเสนอแบบเรือให้ทางคณะกรรมการคัดเลือกของกองทัพเรือพิจารณา
โดยมี ๑๓ บริษัทอู่ต่อเรือจากประเทศในยุโรป อาทิ เยอรมนี สเปน อังกฤษ เนเธอร์แลนด์
สหรัฐอเมริกา และจากเอเชีย อาทิ จีน เกาหลีใต้
เสนอตัวเข้ามาแข่งขันให้พิจารณาตั้งแต่ปลายปี ๒๕๕๕
หลังจากคณะกรรมการฯ
ได้ตรวจสอบรายละเอียดคุณสมบัติแต่ละบริษัทแล้วตัดออกจนเหลือเพียง ๕ บริษัทอู่ต่อเรือ ที่ผ่านการคัดเลือกในรอบสุดท้าย
คือ จีน อิตาลี สเปน และแดวู กับฮุนได ของเกาหลีใต้ และมีการพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งมีเพียง ๒ บริษัท ที่ผ่านคุณสมบัติ คือ บริษัทจากประเทศสเปน
และ บริษัทแดวู
จากประเทศเกาหลีใต้
จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม
๒๕๕๖ คณะกรรมการฯ ได้ตัดสินใจเลือกบริษัทแดวู ของเกาหลีใต้
เป็นผู้ต่อเรือให้กองทัพเรือไทยในราคา
๑.๔๖ หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทแดวู
มีขีดความสามารถในการสร้างเรือที่มีประสิทธิผลทางยุทธการในการปราบเรือดำน้ำ
ภายใต้งบประมาณของกองทัพเรือที่มีอยู่กำจัด
ทั้งนี้เรือฟริเกตสมรรถนะสูงลำที่สอง มีแผนจะต่อภายในประเทศไทยตามการถ่ายทอด
Technology จากประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา ณ
ห้องรับรองกองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม บริษัท DSME.
จำกัด และ บริษัท ไฮเทค เอเจ โฮลดิ้ง จำกัด (บริษัทผู้แทนในประเทศไทยของบริษัท
DSME จำกัด)
ได้ทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) กับกองทัพเรือ และบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด บริษัท
ในด้านความร่วมมือการพัฒนาขีดความสามารถในการซ่อม สร้าง และดัดแปลงเรือ
ของกรมอู่ทหารเรือให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เรือฟริเกตสมรรถนะสูงลำนี้
ต่อมาได้ พระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ว่า
“เรือหลวงท่าจีน ”ซึ่งนับเป็นเรือหลวงท่าจีน ลำที่๓
ของกองทัพเรือ
เรือหลวงท่าจีน (ลำที่๓) ต่อโดยบริษัท DSME (DAEWOO Shipbuilding & Marine Engineering CO., LTD.) ของประเทศสาธารณรัฐเกาหลี โดยการสร้างเรือดำเนินการ ณ อู่ต่อเรือของบริษัท
DSME สาธารณรัฐเกาหลี ในระหว่างปี
๒๕๕๖ – ๒๕๖๑
ซึ่งเป็นแบบที่พัฒนามาจากเรือพิฆาตชั้น Kwanggaeto Class Destroyer (KDX-I)
เรือฟริเกตลำนี้ออกแบบและสร้างเรือ โดยใช้มาตรฐานทางทหารของสหรัฐอเมริกา
และกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี
เป็นแบบที่ได้รับการรับรองจากสถาบันจัดชั้นเรือซึ่งเป็นสมาชิกของ IACS (International Association of Classifications Society)
โดยแบบเรือดังกล่าว มีระวางขับน้ำสูงสุด ๓,๗๐๐ ตัน
ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง ๓๐ นอต ระยะปฏิบัติการประมาณ ๔,๐๐๐ ไมล์ทะเล กำลังพล ๑๓๖
นาย
เรือลำนี้ออกแบบโดยใช้ Stealth
Technology และลดการแพร่คลื่นแม่เหล็กตัวเรือ รวมทั้งลดการแพร่เสียงใต้น้ำ
ติดตั้งระบบอำนวยการรบและระบบอาวุธจากยุโรปและอเมริกา
ซึ่งสามารถปฏิบัติการรบได้ทั้ง ๓ มิติ มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบร่วมกับอากาศยานของกองทัพอากาศได้อย่างสมบูรณ์
และสอดคล้องกับความต้องการของกองทัพเรือ
นอกจากนั้น ยังได้เพิ่มขีดความสามารถของระบบตรวจการณ์ และระบบอาวุธในการปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ และการป้องกันภัยทางอากาศให้มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งระบบอาวุธและระบบอำนวยการรบยังได้ออกแบบให้มีขีดความสามารถในการเชื่อมต่อข้อมูลทางยุทธวิธี ที่สามารถใช้งานร่วมกับระบบการรบของเรือฟริเกต ชุด เรือหลวงนเรศวร และ เรือหลวงจักรีนฤเบศร ได้ เป็นผลทำให้การปฏิบัติการรบร่วมในลักษณะกองเรือ (Battle Group) รวมทั้งการปฏิบัติการรบร่วมกับอากาศยานของกองทัพอากาศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถปฏิบัติการรบได้ทั้ง ๓ มิติ รวมทั้งป้องกันตัวเองในระยะประชิด ตามมาตรฐานยุโรป สหรัฐฯ และกองทัพเรือที่มีใช้งานและกำลังจัดหา
ส่วนของ platform
system มีดาดฟ้าเฮลิคอปเตอร์ (Flight
Deck) และโรงเก็บอากาศยาน สามารถใช้งานกับเฮลิคอปเตอร์ขนาด
๑๐ ตัน ได้ เช่น S 70B Sea Hawk, MH –60S Knight
Hawk มีอุปกรณ์ช่วยการลงจอด (landing
aids แบบ harpoon grid) มีระบบและอุปกรณ์การลงจอด ยึดตรึง เคลื่อนย้าย เฮลิคอปเตอร์
และมีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับ level 2
class A ตามมาตรฐาน US Navy Standard NATO
ระบบอำนวยการรบ (combat system) และระบบย่อยของระบบการควบคุมบังคับบัญชาและตรวจการณ์ (command and surveillance) และระบบอาวุธ
(armament) ส่วนอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ ทั้ง Evolved Sea
Sparrow Missile-ESSM มีระบบตอร์ปีโด ปราบเรือดำน้ำ
ที่สามารถปรับปรุงให้ใช้งานกับ อาวุธปล่อยนำวิถี พื้นสู่ อากาศ SM2 รวมทั้งมีระบบอาวุธปล่อยนำวิถี พื้นสู่พื้น
(Advanced Harpoon Weapon Control System-
AHWCS)และอาวุธป้องกันตนเองระยะประชิด Raytheon
ระบบอำนวยการรบ (combat system) ประกอบด้วยมีระบบการควบคุมบังคับบัญชาและตรวจการณ์(command and surveillance) และระบบอาวุธ
(armament) มีระบบปืนซึ่งประกอบด้วย
อาวุธปืนหลัก ปืน ๗๖/๖๒ มม. Oto-Melara พร้อม Stealth
Shield และ อาวุธปืนรอง ปืนกล ๓๐ มม. และปืนกล ๕๐ นิ้ว ระบบเป้าลวง (decoy system) โดยมีแท่น
TERMA หรือ รุ่นที่ดีกว่า
พร้อมระบบและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และทำการลวง (Break
Lock) เรดาร์ควบคุมการยิงของเรือ,
อากาศยาน และอาวุธปล่อยนำวิถีได้
รวมทั้งสามารถรองรับการใช้งานเป้าลวงตอร์ปีโด (torpedo decoy)”
ระบบตรวจการณ์ เรดาร์ตรวจการณ์อากาศระยะไกล แบบ ๓ มิติ
ของ SABB
อุปกรณ์หมายรู้และพิสูจน์ฝ่าย IFF ระบบโซนาร์
รวมทั้งมีระบบโทรศัพท์เสียงใต้น้ำ
ระบบเดินเรือที่เชื่อมต่อกับระบบเดินเรือและระบบอำนวยการรบได้
ทั้งนี้กองทัพเรือได้จัดพิธีปล่อยเรือหลวงท่าจีน (ลำที่๓) ลงน้ำ ในวันจันทร์
ที่ ๒๓ มกราคม
๒๕๖๐ ณ ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี
โดยมี พลเรือเอก ณะอารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีฯ
พร้อมด้วยนางปรานีอารีนิจ ภริยา เป็นสุภาพสตรีผู้ประกอบพิธีปล่อยเรือลงน้ำ
เพื่อติดตั้งระบบไฟฟ้า และอาวุธ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น