หน้าเว็บ

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

รายละเอียดเรือฟริเกตสมรรถนะสูง ของกองทัพเรือไทย

เรือฟริเกตที่จัดหาจะมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบได้ 3 มิติ  คือ การปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ และการปฏิบัติสงครามผิวน้ำ  โดยสามารถปฏิบัติงานร่วมกับ ฮ.ทร. ในการรับ-ส่ง ฮ. และนำ ฮ.เข้าเก็บในโรงเก็บ ฮ.ได้ นอกจากนั้น ยังได้เพิ่มขีดความสามารถของระบบตรวจการณ์ และระบบอาวุธในการปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ และการป้องกันภัยทางอากาศให้มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งระบบอาวุธและระบบอำนวยการรบ ได้รับการออกแบบให้มีขีดความสามารถในการเชื่อมต่อข้อมูลทางยุทธวิธี ที่สามารถใช้งานร่วมกับระบบการรบของเรือฟริเกต ชุด ร.ล.นเรศวร และ ร.ล.จักรีนฤเบศร ได้ เป็นผลทำให้การปฏิบัติการรบร่วมในลักษณะกองเรือ (Battle Group) รวมทั้งการปฏิบัติการรบร่วมกับอากาศยานของกองทัพอากาศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประกอบกับข้อเสนอการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่บริษัทฯ เสนอ จะทำให้เพิ่มขีดความสามารถให้อู่เรือไทยและบุคคลากรทั้ง ทร. และภาคเอกชนให้มีความรู้ความชำนาญ รองรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยี การพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงการบำรุงรักษา ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือรบในประเทศได้
กองทัพเรือได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาดำเนินการ โดยได้เชิญชวนอู่เรือของประเทศต่างๆ ในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา จำนวน 13 ราย ซึ่งรวมถึงอู่เรือจากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ด้วย เพื่อเปิดกว้างให้มีการแข่งขันให้ ทร. ได้รับประโยชน์สูงสุด โดยมีผู้เสนอแบบเรือ 5 ราย ได้แก่ อู่เรือจากสาธารณรัฐอิตาลี ราชอาณาจักรสเปน สาธารณรัฐเกาหลี (2 ราย) และสาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจากนั้นได้ดำเนินการคัดเลือกแบบตามแนวทางการจัดหายุทโธปกรณ์หลักของกองทัพเรือ โดยผลการพิจารณาปรากฏว่า แบบเรือของบริษัท Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering Co., Ltd. (DSME) สาธารณรัฐเกาหลี สามารถตอบสนองภารกิจของกองทัพเรือได้ดีที่สุด และเป็นแบบเรือที่ตรงตามความต้องการของกองทัพเรือมากที่สุด จึงได้รับการคัดเลือก 
แบบเรือฟริเกตที่ได้รับการคัดเลือก เป็นแบบที่พัฒนามาจากเรือพิฆาตชั้น Kwanggaeto Class Destroyer (KDX-I) ซึ่งเรือฟริเกตที่กองทัพเรือจัดหา มีการออกแบบและสร้างเรือ โดยใช้มาตรฐานทางทหารของสหรัฐฯ และกองทัพเรือเกาหลี อีกทั้งได้รับการรับรองเป็นแบบที่ได้รับรองจากสถาบันจัดชั้นเรือซึ่งเป็นสมาชิกของ IACS (International Association of Classifications Society) โดยแบบเรือดังกล่าว มีระวางขับน้ำสูงสุด 3,700 ตัน ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง 30 นอต ระยะปฏิบัติการประมาณ 4,000 ไมล์ทะเล กำลังพล 136 นาย ลักษณะของเรือออกแบบโดยใช้ Stealth Technology และลดการแพร่คลื่นแม่เหล็กตัวเรือ รวมทั้งลดการแพร่เสียงใต้น้ำ ติดตั้งระบบอำนวยการรบและระบบอาวุธจากยุโรปและอเมริกา ซึ่งสามารถปฏิบัติการรบได้ทั้ง 3 มิติ รวมทั้งป้องกันตัวเองในระยะประชิด ตามมาตรฐานยุโรป สหรัฐฯ และกองทัพเรือที่มีใช้งานและกำลังจัดหา
การสร้างเรือ จะดำเนินการ ณ อู่ต่อเรือของบริษัท DSME สาธารณรัฐเกาหลี ในระหว่างปี 2556 – 2561 โดยมีค่าจ้างสร้างเรือรวมทั้งสิ้นประมาณ 14,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม อะไหล่เครื่องมือ เอกสาร  ส่วนสนับสนุน การทดสอบทดลอง การฝึกอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
คุณลักษณะและขีดความสามารถโดยสังเขป ของเรือฟริเกตสมรรถนะสูง

ภารกิจ 
ภารกิจในยามสงคราม กิจหลัก ป้องกันอธิปไตยเหนืออาณาเขตทางทะเลของไทย กิจรอง คุ้มกันกระบวนเรือลำเลียง 
ภารกิจในยามสงบ        รักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของเส้นทางคมนาคมทางทะเล พิทักษ์รักษาสิทธิอธิปไตยทางทะเล ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ และรักษากฎหมายตามกฎหมายให้อำนาจทหารเรือ
   
ขีดความสามารถ 
ขีดความสามารถทั่วไป  โดยสามารถนำเรือ/เดินเรือแบบรวมการที่ทันสมัย ระบบขับเคลื่อนที่ควบคุมง่าย รวดเร็ว ทนทาน ง่าย และประหยัด ความทนทะเลได้ถึงสภาวะทะเลระดับ ๖ ขึ้นไป โครงสร้างเรือแข็งแรง มีโอกาสอยู่รอดสูงในสภาพแวดล้อมของการสู้รบและการปนเปื้อนทางนิวเคลียร์/เคมี/ชีวะ 
ขีดความสามารถด้านการควบคุมบังคับบัญชาและการตรวจการณ์ ด้วยระบบอำนวยการรบและระบบตรวจการณ์ที่ทันสมัยและขีดความสามารถสูง รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงข้อมูลและสื่อสารกับเรือ อากาศยาน และหน่วยบนฝั่ง ตลอดจนสามารถตรวจการณ์ครอบคลุมทุกมิติและทั้งกลางวันและกลางคืน 
ขีดความสามารถการรบ โดยสามารถปฏิบัติการรบได้ ๓ มิติ โดยให้ความสำคัญในการการปฏิบัติการสงครามใต้น้ำเป็นลำดับแรก โดยสามารถตรวจจับเป้าหมายระยะไกลด้วยโซนาร์ลากท้ายและโซนาร์ติดใต้ท้องเรือ แล้วต่อตีเรือดำน้ำได้ที่ระยะไกลด้วย Vertical Launch Anti-Submarine Rocket หรือตอร์ปิโด และลำดับที่สอง การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ โดยใช้เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติระยะไกล และระยะปานกลางในการค้นหา ตรวจจับ และติดตามเป้าข้าศึก รวมทั้งแลกเปลี่ยนและประสานการปฎิบัติกับเรือและอากาศยานที่ร่วมปฏิบัติการ แล้วโจมตีเป้าหมายด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีฯ แบบ ESSM และอาวุธปืนของเรือ  ส่วนการป้องกันทางอากาศระยะไกล หรือพื้นที่ชั้นนอกของกองเรือ (Battle Group) จะใช้การปฏิบัติการร่วมกับอากาศยานของกองทัพอากาศในการค้นหา ตรวจจับและโจมตี และการปฏิบัติการสงครามผิวน้ำ โดยสามารถโจมตีเป้าหมายได้ที่ระยะไกล โดยปฏิบัติร่วมกับเรือและอากาศยานในการพิสูจน์ทราบเป้า ส่งมอบเป้าและให้ใช้อาวุธจากระยะพ้นขอบฟ้า รวมทั้งโจมตีเป้าพื้นน้ำและใต้น้ำด้วยเฮลิคอปเตอร์ประจำเรือ 
ขีดความสามารถในการป้องกันตนเอง ด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีฯ  ปืนใหญ่เรือและปืนรองต่อสู้อากาศยาน  ระบบอาวุธป้องกันระยะประชิด (CIWS)  ระบบลวงทางอิเล็กทรอนิกส์  ระบบควบคุมความเสียหายแบบรวมการที่สั่งการได้จากศูนย์กลางหรือแยกสั่งการ มีระบบควบคุมการแพร่สัญญาณออกจากตัวเรือ 
ขีดความสามารถในการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ โดยสามารตรวจจับ ดักรับ วิเคราะห์ และก่อกวนสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าของเป้าหมายได้      
ขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบร่วม โดยผ่านระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี ให้สามารถปฏิบัติการรบร่วมในลักษณะกองเรือ (Battle Group) ได้แก่ ร.ล.จักรีนฤเบศร  เรือฟริเกต ชุด ร.ล.นเรศวร เรือคอร์เวต ชุด ร.ล.รัตนโกสินทร์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งการปฏิบัติการรบร่วมกับ บ.กองทัพอากาศ ตามบทบาทหน้าที่ที่จะได้รับมอบหมาย ซึ่งเรือฟริเกตสมรรถนะสูง จะทำหน้าที่ควบคุมการปราบเรือดำน้ำเป็นหลัก
คุณลักษณะและขีดความสามารถทั่วไป

ระวางขับน้ำสูงสุด
3,700 ton
มิติ
123 x 14.4 x 8 (m)  
ความคงทนทะเล
Sea State 8 (Survivability)
ความเร็วสูงสุด
 30 Knots
ระยะปฏิบัติการ
4,000 NM @ 18 Knots
ระบบขับเคลื่อน
2 x Diesels + 1 x GE, Controllable Pitch Propeller
ระบบไฟฟ้า
4 x Ship Service Power Generation (Each of 830 kW Rated output)
เรือเล็ก
1 x RHIB
ระบบเรือ>
Stealth Technology   
- RCS (Radar Cross Section) Reduction
- IR (Infra Red Reduction)                                                  
- URN (Underwater Radiated Noise) Reduction 
- Degaussing
- NBC Protection System
เฮลิคอปเตอร์  
1 x 10 Ton Helo (S-70B Sea hawk or MH-60S Knight hawk)   with Hangar   
กำลังพล
136 นาย
ระบบอำนวยการรบ  
15 x MFC (Multi Function Consoles)
ระบบอาวุธ
8 x SSM
VLS with capabilities of
     + 8 x Canisters (max 32 ESSM)
     + Vertical Launch Anti-submarine Rocket (VLA)
     + Nulka Active-off board ECM
     + SM2**
1 x 76/62 Stealth Shield, Multi feeding system
    (max range 40- 45 km with smart ammunition)
2 x 30 mm Guns (200 RPM) x CIWS (4,500 RPM)
2 x .50 inch (Range; 2 km)
2 x Trainable Triple tube torpedo launchers
ระบบควบคุมการยิง 
2 x Radar Fire Control System
2 x Continuous Wave Illuminators
1 x Electro Optical Fire Control
2 x Target Designation Sight
ระบบตรวจการณ์ 
1 x 3 D Long Range Radar (> 350 Km)
1 x 3 D Medium Range Radar (> 180 Km)
3 x Navigation Radar
1 x Surveillance Camera (TV and thermal imager)
1 x Hull Mounted Sonar
1 x Towed Array Sonar
2 x IFF
1 x Automatic Dependent Surveillance-Broadcast (ADS-B)
ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์
1 x Radar ESM
1 x Communication ESM
6 x Decoy Launchers
Active-off board ECM 
ระบบสื่อสาร
1 x Integrated Communication System
Link RTN, Link G & Link E
1 x TACAN
1 x SAT Communication
                                                                                                                      
 ----------------------------------------
** เรือฟริเกต ได้รับการออกแบบตัวเรือและโครงสร้างรองรับการปรับปรุงให้สามารถยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-อากาศ แบบ SM2 รวมทั้งได้มีแผนเตรียมการรองรับไว้แล้ว โดยบริษัทผู้ผลิตระบบประกอบที่เกี่ยวข้องได้แก่ แท่นยิงแท่นยิงอาวุธปล่อยฯ แนวตั้ง ระบบอำนวยการรบ เรดาร์ควบคุมการยิงและ เรดาร์ชี้เป้า (Illuminator) สามารถปรับปรุงรองรับการยิงอาวุธปล่อยฯ ดังกล่าวได้ เมื่อกองทัพเรือต้องการและสถานการณ์ด้านงบประมาณเอื้ออำนวย

สรุป
เรือฟริเกตที่จัดหาในครั้งนี้ เป็นเรือฟริเกตที่มีสมรรถนะสูงที่สุดในกองทัพเรือ มีความพร้อมมูลในการปฏิบัติการในทะเลทุกมิติ โดยมีคุณลักษณะและขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจและหน้าที่ที่ได้รับมอบได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สอดคล้องกับความต้องการของกองทัพเรือ และบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการได้

ที่มา: http://www.navy.mi.th/namo/index.php?option=com_content&view=article&id=329:new-frigate&catid=44:front-page&Itemid=95

Marsun M58 Patrol Gunboat


เรือตรวจการณ์ปืน เรือหลวงแหลมสิงห์ (561)

กองทัพเรือ จัดหาเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง เพิ่มเติมอีก 5 ลำ

โครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง ของกองทัพเรือ ปี งป.60 [รายละเอียด]

ในปีงบประมาณ 2560 กองทัพเรือได้ตั้งโครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง เพิ่มเติมอีก จำนวน 5 ลำ ด้วยกัน โดยมีวงเงินอยู่ที่ 627,900,000 บาท หรือ 627.9 ล้านบาท รายละเอียดในการจัดหาของโครงการประกอบไปด้วย

1. เรือตรวจการณ์ชายฝั่งจำนวน 5 ลำ

2.ปรับปรุงปืนกล 20 มม. GAM CO-1 จำนวน 5 กระบอก

2.ปรับปรุงปืนกล 0.50 นิ้ว จำนวน 5 กระบอก

ราคาสุทธิต่อเรือ 1 ลำอยู่ที่ 125,580,000 บาท หรือ 125.58 ล้านบาท และจะทำให้มียอดรวมทั้งโครงการอยู่ที่ 23 ลำ โดยแบ่งเป็น

- เฟสที่ 1 จำนวน 3 ลำ (สถานะเข้าประจำการแล้ว) เรือ ต.228 - ต.230

- เฟสที่ 2 จำนวน 6 ลำ (สถานะเข้าประจำการแล้ว) เรือ ต.232 - ต.237

- เฟสที่ 3 จำนวน 4 ลำ (สถานะอยู่ระหว่างการก่อสร้าง)

- เฟสที่ 4 จำนวน 5 ลำ (สถานะอยู่ระหว่างการก่อสร้าง)

- เฟสที่ 5 คือการจัดหาครั้งนี้ จำนวน 5 ลำ (สถานะอยู่ระหว่างการจัดหา)

นั่นก็คือเรือตรวจการณ์ชายฝั่งชั้น ต.228 จะมีจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยจัดหาและประจำการในกองทัพเรือไทย

*กองทัพเรือจัดหาเรือตรวจการณ์ชายฝั่งอีกจำนวน 5 ลำ - Thaifighterclub.org




การลงนามในสัญญาอย่างเป็นทางการ สำหรับโครงการจัดหาเรือฟริเกต 2 ลำ ของกองทัพเรือฟิลิปปินส์

24.10.2016 - ได้มีพิธีลงนามในสัญญา ระหว่าง อู่ต่อเรือฮุนได (HHI) ของประเทศเกาหลีใต้ กับ ทางการฟิลิปปินส์ ในการสร้างเรือฟริเกต ขนาดระวางขับน้ำ 2,600 ตัน จำนวน 2 ลำ สำหรับกองทัพเรือฟิลิปปินส์ พร้อมกันนี้ทาง HHI ได้เปิดเผยรายละเอียดของแบบเรือด้วย
Hyundai Heavy Industries Wins an Order to Build Two 2,600 ton Frigates for the Philippine Navy
Hyundai Heavy Industries (HHI), the world’s largest shipbuilder, announced today that it signed a contract to build two 2,600 ton frigates with the Department of National Defense, Republic of the Philippines.

The signing ceremony held in Manila, Philippines, was attended by Mr. Chung Ki-sun, executive vice president of Corporate Planning Office of HHI, Mr. Delfin Lorenzana, Philippines’ Defense Secretary and Mr. Kim Jai- shin, Korean Ambassador to Philippines and other guests.


The frigates will be designed to be a smaller light combatant and successor to the Incheon class frigate which is now in active service for ROKN tailored to the requirement of the Philippine Navy with applying optimized range of good marine standard under naval rule from Lloyd Register, classification society.

The 107 meter frigates to be propelled with CODAD (Combined Diesel and Diesel) propulsion system with maximum speed of 25knots can cover a 4,500 nautical miles range at cruising speed of 15 knots. The naval vessels will inherit the enhanced survivability, seakeeping and maneuvering capability of her mother ship operable up to Sea State 5.

The frigates heavily armed with missiles, torpedo, guns and sensors controlled by the latest combat management system are capable of conducting Anti-Air Warfare, Anti-Surface Warfare, Anti-Submarine Warfare and Electronic Warfare. The frigates are scheduled to be handed starting from 2020.

Since the delivery of the first Korean-built frigate ROKS Ulsan in 1980, HHI has played a pivotal role in the modernization of ROK Navy designing major warships. And evidently it now expands its service to worldwide navies with advanced, affordable warships. 

ภาพถ่ายจาก: Philippine Defense Bulletin

http://www.newscj.com/news/articleView.html?idxno=382510
http://english.hhi.co.kr/news/view?idx=600&currentPage=1
http://www.janes.com/article/64864/hyundai-discloses-further-details-of-philippine-navy-s-new-frigates

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กองทัพเรือ จัดพิธีปล่อยเรือเรือลากจูงขนาดกลาง (ลจก.) ลงน้ำ

วันนี้ (12 ตุลาคม 2559) เวลา 13.39 น. พลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีปล่อยเรือลากจูงขนาดกลาง (ลจก.) ลงน้ำ โดยมี นางปรานี อารีนิจ ภริยา เป็นสุภาพสตรีผู้ประกอบพิธีปล่อยเรือ ณ อู่ต่อเรือ บริษัท อิตัลไทย มารีน จำกัด ถนนท้ายบ้าน ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
กองทัพเรือ ได้ว่าจ้างสร้างเรือลากจูงขนาดกลาง (ลจก.) จำนวน 1 ลำ จากบริษัท อิตัลไทย มารีน จำกัด ซึ่งจากการดำเนินโครงการนี้เป็นการจัดหาเรือลากจูงเพื่อทดแทนเรือเก่า และให้มีเรือลากจูงขนาดกลางในจำนวนที่เพียงพอ รองรับภารกิจสนับสนุนการนำเรือรบขนาดใหญ่ เข้า - ออก จากท่าเทียบเรือ การดับเพลิงในเขตฐานทัพ ตามท่าเรือต่าง ๆ ของกองทัพเรือ รวมถึง การสนับสนุนภารกิจอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ การขจัดคราบน้ำมันบริเวณท่าเรือและชายฝั่ง การลากเป้าฝึกยิงอาวุธ เป็นต้น โดยการว่าจ้าง บริษัทเอกชนต่อเรือนี้ นับได้ว่าเป็นการเพิ่มขีดความสามารถให้อู่เรือภาคเอกชนของไทยเกิดความชำนาญ รองรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยี อันจะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือภายในประเทศอีกทางหนึ่ง
คุณลักษณะของเรือลากจูงขนาดกลาง 
เป็นไปตามที่กองทัพเรือกำหนด แบบเรือออกแบบโดย บริษัท Robert Allan Ltd., Naval Architects and Marine Engineering ประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นผู้ออกแบบเรือลากจูงที่มีชื่อเสียงระดับโลก แบบเรือที่ใช้คือ Ramparts 3200CL เป็นแบบเรือมาตรฐาน Ramparts 3200 Series ของ Robert Allan ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ได้ผ่านการสร้างโดยอู่ต่อเรือต่าง ๆ ทั่วโลก และเป็นที่ยอมรับของเจ้าของเรือมาแล้วเป็นจำนวนมากกว่า 100 ลำ แบบเรือ Ramparts 3200 ของ Robert Allan Ltd. ได้ปรับปรุงให้ตรงกับความต้องการของกองทัพเรือ ตัวเรือทำด้วยเหล็ก ประสานด้วยการเชื่อม ความหนาของแผ่นเหล็ก ออกแบบให้หนากว่าความต้องการขั้นต่ำของสมาคมจัดชั้นเรือ และเรือออกแบบให้เป็นเรือที่ให้บริการบริเวณท่าเรือประเภท ship - assist tug ลากจูง (Towing) ส่วนการทำงานใช้ดึง และดันทางด้านหัวเรือเป็นหลัก โดยมี กว้านลากจูง และกว้านเก็บเชือก ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ Azimuth Stern Drive (ASD) หรือ Z – drive ชนิดสองใบจักร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล และติดตั้งระบบดับเพลิงภายนอกเรือ ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลที่แยกต่างหากจากเครื่องจักรใหญ่
สมรรถนะของเรือ
เรือมีกำลังเพียงพอที่จะทำให้เรือมีกำลังดึงไม่น้อยกว่า 53 เมตริกตัน และวงหันหมุนรอบตัวเอง (360 องศา) ใช้เวลาไม่เกิน 60 วินาที
ลักษณะโดยทั่วไป
ขนาดของเรือ
1. ความยาวตลอดลำเฉพาะตัวเรือ 32.00 เมตร
2. ความกว้าง 12.40 เมตร
3. กินน้ำลึกสูงสุด 4.59 เมตร
4. ระยะตั้งฉากจากหัวเรือถึงเก๋ง 9.10 เมตร
ความจุถัง (อัตราการบรรทุก)
1. น้ำมันเชื้อเพลิง 149.2 ลูกบาศก์เมตร
2. น้ำจืด 49.00 ลูกบาศก์เมตร
3. ถังน้ำถ่วงเรือ 56.00 ลูกบาศก์เมตร
4. ถังบรรจุของเสีย 5.90 ลูกบาศก์เมตร
5. ถังเก็บน้ำมันที่สกปรกปนเปื้อน 5.90 ลูกบาศก์เมตร
6. ถังน้ำยาดับเพลิงโฟมเคมี 6.90 ลูกบาศก์เมตร
7. ถังบรรจุสารเคมีกำจัดคราบน้ำมัน 6.90 ลูกบาศก์เมตร
ความเร็วเรือ ความเร็วสูงสุดต่อเนื่องที่ระวางขับน้ำเต็มที่ ไม่ต่ำกว่า 12 นอต โดยกำลังเครื่องยนต์ไม่เกินร้อยละ 100 ของ MCR (Maximum Continuous Rating)
ระยะปฏิบัติการ ระยะปฏิบัติการไม่น้อยกว่า 2500 ไมล์ทะเล ด้วยความเร็ว 8 นอต ที่ระวางขับน้ำเต็มที่ (Full Load Displacement) โดยใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ไม่เกินร้อยละ 95 ของความจุน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถัง
กำลังพลประจำเรือ
นายทหาร จำนวน 3 นาย
พันจ่า จำนวน 3 นาย
จ่า จำนวน 10 นาย
พลทหาร จำนวน 4 นาย
รวมพลประจำเรือทั้งหมด จำนวน 20 นาย

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ภาพกิจกรรม เรือหลวงนเรศวร ..

รวมภาพกิจกรรมต่างๆ ของเรือหลวงนเรศวร
H.T.M.S.NARESUAN การฝึกชุดตรวจค้น ที่ กลางทะเลอ่าวไทย เมื่อ 12 ตุลาคม 2016

วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

ปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม
รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า ผู้ดูแลและสมาชิก THAIDEFENSE-NEWS