วันนี้ (1 พฤษภาคม 2560) เวลา 15.00 น. พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ พร้อมคณะ ชี้แจงโครงการจัดหาเรือดำน้ำอย่างเป็นทางการ ณ โรงเก็บอากาศยาน เรือหลวงจักรีนฤเบศร ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
#ความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์กองทัพเรือ
จากการที่กองทัพเรือมีหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รักษาไว้ซึ่งความมั่นคงของประเทศ ซึ่งผลประโยชน์ของชาติทางทะเลที่มีมูลค่ากว่า 24 ล้านล้านบาท และสินค้านำเข้าส่งออกร้อยละ 95 ต้องใช้เส้นทางคมนาคมทางทะเล กองทัพเรือจึงต้องมีการวางแผนพัฒนากำลังรบ เพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังทางเรือ ในการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ความต้องการเรือดำน้ำเป็นไปตามการประเมินยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ อาจกล่าวได้ว่าการจัดหาเรือดำน้ำแท้จริงแล้วไม่ใช่ความต้องการของกองทัพเรือเท่านั้น แต่เป็นความจำเป็นของประเทศชาติ เพราะเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ของประเทศ อาวุธทางยุทธการของกองทัพไทย และเป็นอาวุธทางยุทธวิธีของกองทัพเรือ
#ความจำเป็นในการมีเรือดำน้ำ
กองทัพเรือไม่มีเรือดำน้ำประจำการมาเป็นเวลามากกว่า 60 ปี ซึ่งเทคโนโลยีเกี่ยวกับเรือดำน้ำมีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว และประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคต่างก็มีการจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการและพัฒนาขีดความสามารถในด้านนี้อย่างก้าวกระโดด ด้วยทุกประเทศต่างเล็งเห็นถึงความสำคัญในการมีศักยภาพที่เพียงพอในการคุ้มครองผลประโยชน์ทางทะเลที่มีมูลค่ามหาศาลและเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงทางทะเลของตน รวมทั้งมีการวิเคราะห์กันแล้วว่า เรือดำน้ำเป็นอาวุธที่ตอบโจทย์การรักษาความมั่นคงทางทะเลและมีความคุ้มค่าอย่างยิ่ง จากการที่กองทัพเรือไม่มีเรือดำน้ำมาเป็นระยะเวลานานดังกล่าว ทำให้กองทัพเรือสูญเสียขีดความสามารถด้านนี้อย่างสิ้นเชิง ทั้งองค์ความรู้ ทักษะและประสบการณ์ของกำลังพล โครงสร้างพื้นฐานและระบบสนับสนุนต่าง ๆ ดังนั้นการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือครั้งนี้ นับว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่เกือบทั้งหมด และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการพัฒนาขีดความสามารถและการวางรากฐานในการทำสงครามใต้น้ำให้กับกองทัพเรือ จึงจำเป็นต้องคิดทั้งระบบ ได้แก่ เรือดำน้ำ องค์บุคคล องค์ความรู้และเทคโนโลยี
และโครงสร้างพื้นฐานและระบบสนับสนุนทั้งหมด ซึ่งจะต้องใช้ความพยายามและความรอบคอบในการดำเนินการอย่างยิ่ง ส่วนประเด็นปัจจัยความลึกของอ่าวไทยโดยเฉลี่ยประมาณ 50 เมตร เรือดำน้ำขนาดกลางสามารถปฏิบัติการได้แบบสบาย ๆ ดังเห็นได้จากเมื่อครั้งสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เรือดำน้ำของสหรัฐและชาติพันธมิตรก็เข้ามาปฏิบัติการในอ่าวไทยหลายครั้ง และแต่ละครั้งก็สร้างความเสียหายต่อประเทศไทยอย่างมาก รวมทั้งเรือหลวงสมุยที่ปฏิบัติภารกิจช่วยลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ประเทศในขณะนั้นก็จมลงด้วยฝีมือของเรือดำน้ำในอ่าวไทยนี้ และในปัจจุบันกองทัพเรือได้ทำการฝึกกับเรือดำน้ำสหรัฐ ขนาด 6,000 ตัน อยู่เป็นประจำ ซึ่งเรือดำน้ำของสหรัฐก็สามารถปฏิบัติการได้
ความเป็นมาและทิศทางในการดำเนินโครงการ
กองทัพเรือได้ศึกษาและดำเนินโครงการจัดหาเรือดำน้ำมาอย่างต่อเนื่องเกือบ 30 ปี โดยเกือบจะได้รับอนุมัติให้จัดหามาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง เช่นปีพุทธศักราช 2538 ที่จะจัดหาเรือดำน้ำจากบริษัทคอกคูมประเทศสวีเดน ปีพุทธศักราช 2553 ที่กองทัพเรือเสนอโครงการจัดหาเรือดำน้ำใหม่หรือผ่านการใช้งานมาแล้ว จำนวน 2 – 3 ลำ วงเงิน 48,000 ล้านบาท และในปีพุทธศักราช 2554 กองทัพเรือก็ได้เสนอโครงการจัดหาเรือดำน้ำชั้น 206A จากสาธารณรัฐเยอรมนี ที่เป็นเรือดำน้ำใช้แล้วแต่มีสภาพดี เป็นต้น
#หลักการสำคัญในการจัดหายุทโธปกรณ์และเหตุผลในการคัดเลือกเรือดำน้ำจากจีน
การดำเนินโครงการจัดหาเรือดำน้ำครั้งนี้ เป็นการดำเนินโครงการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 ต่อเนื่องมาในปีงบประมาณ 2559 จนถึงปีงบประมาณปัจจุบัน กองทัพเรือได้มีการศึกษาเปรียบเทียบข้อเสนอจากบริษัทผู้ผลิตเรือดำน้ำจากประเทศต่าง ๆ 6 ประเทศ ซึ่งบางประเทศก็ให้เฉพาะตัวเรือไม่ให้ระบบอาวุธ บางประเทศให้ทั้งตัวเรือและระบบอาวุธแต่ก็มีราคาสูงและอะไหล่สำหรับการซ่อมบำรุงที่แพงมาก บางประเทศไม่สนับสนุนการฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ซึ่งกองทัพเรือได้พิจารณาคัดเลือกอย่างรอบคอบ โดยยึดหลักการจัดหายุทโธปกรณ์ที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ (1) การมีขีดความสามารถและความพร้อมตามความต้องการ (2) ความต่อเนื่องตลอดอายุการใช้งาน และ (3) ความสามารถในการจ่ายได้ ซึ่งข้อเสนอของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการสร้างเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้า ชั้นหยวน S26T พร้อมระบบอาวุธและระบบสนับสนุนต่าง ๆ รวมทั้งการจัดหลักสูตรการฝึกอบรมให้กับกำลังพล เป็นข้อเสนอที่ตอบโจทย์ได้ตามหลักการในข้างต้นมากที่สุด
เรือดำน้ำชั้นหยวน S26T เป็นเรือดำน้ำที่ได้รับการพัฒนามาจากเรือดำน้ำชั้น KILO ของรัสเซียที่เป็นเรือดำน้ำ
ที่มีชื่อเสียงมากในอดีตทั้งด้านสมรรถนะและความเงียบ และจีนนำมาพัฒนาต่อยอดโดยการวิจัยพัฒนาร่วมกับประเทศสวีเดนในการนำระบบ AIP เข้ามาใช้ในเรือดำน้ำชุดนี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มระยะเวลาในการปฏิบัติงานใต้น้ำได้นานมากขึ้น จึงมีจุดเด่นในคุณสมบัติด้านการซ่อนพรางซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ต้องการมากที่สุดของเรือดำน้ำ รวมทั้งได้มีการพัฒนาต่อยอดด้านระบบอาวุธที่มีประสิทธิภาพทั้งในเรื่องความแม่นยำและอำนาจในการทำลายทั้งในมิติใต้น้ำด้วยกัน มิติผิวน้ำ และข้ามไปในมิติบนฝั่งได้อีกด้วย เป็นข้อได้เปรียบและเป็นผลดีต่อการพัฒนาขีดความสามารถในการป้องปรามอย่างก้าวกระโดด ประกอบกับเรือดำน้ำรุ่นนี้ เป็นเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดที่กองทัพเรือจีนใช้มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี มีจำนวนทั้งสิ้น 12 ลำ และไม่เคยประสบปัญหาในด้านความไม่ปลอดภัยและด้านการใช้งาน จนในปัจจุบันมีหลายประเทศให้ความสนใจและสั่งซื้อเรือดำน้ำรุ่นนี้เพื่อนำไปใช้ด้วยเช่นเดียวกัน รวมทั้งศักยภาพของกองเรือดำน้ำจีนก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเป็นกองเรือดำน้ำที่ยิ่งใหญ่ในระดับต้น ๆ ของโลก โดยเชื่อกันว่าในปัจจุบันจีนมีเรือดำน้ำทุกประเภทรวมกันมากกว่า 50 ลำ และมีการออกปฏิบัติการจริงในทะเลมากที่สุดในโลก ซึ่งทำให้เชื่อมั่นได้ว่า เรือดำน้ำ S26T เป็นเรือที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือเพียงพอ และมีสายการผลิตและอะไหล่มากพอที่จะรองรับการปรนนิบัติบำรุงตลอดอายุการใช้งานของเรือดำน้ำได้
ความคุ้มค่าในแง่มุมของราคาและประโยชน์ที่ได้รับ
ตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ กองทัพเรือต้องการเรือดำน้ำ อย่างน้อย จำนวน 3 ลำ โดยแนวทางการใช้จะใช้ ปฏิบัติการหนึ่งลำ เตรียมพร้อมหมุนเวียนหนึ่งลำ และซ่อมตามวงรอบหนึ่งลำ การจัดหาครั้งนี้เป็นการจัดหาเรือดำน้ำลำที่หนึ่ง วงเงิน 1 หมื่น 3 พัน 5 ร้อยล้านบาท ใช้งบประมาณของกองทัพเรือ ราคานี้จะรวมการฝึกอบรมกำลังพล และระบบสนับสนุนต่าง ๆ ที่กองทัพเรือไม่มีอะไรรองรับอยู่เลย โดยหากคิดมูลค่าในสิ่งที่ได้เพิ่มเติมก็นับว่าถูกมาก อีกทั้งตามหลักเศรษฐศาสตร์ Economy of scale ที่ว่า หากซื้อของจำนวนน้อยก็ย่อมมีราคาแพงกว่าการซื้อของจำนวนมากเมื่อคิดราคาต่อหน่วย นอกจากนี้ผลการเจรจากับทางสาธารณรัฐประชาชนจีน ทราบว่ากองทัพเรือจีนมีความยินดีให้การสนับสนุน เพิ่มจำนวนที่นั่งสำหรับการฝึกอบรมตามหลักสูตรต่าง ๆ ให้กับกำลังพลของกองทัพเรือเป็นจำนวนมาก ทั้งในส่วนของกำลังพลประจำเรือ กำลังพลสายเทคนิคและส่วนสนับสนุนต่าง ๆ และกำลังพลในส่วนบัญชาการและอำนวยการ ซึ่งจะเป็นการช่วยวางรากฐานที่สำคัญให้กับกองทัพเรือได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งกองทัพเรือจีนยังมีความยินดีที่จะร่วมกับกองทัพเรือในการตรวจยืนยันคุณภาพในทุกขั้นตอนให้มีความเป็นมาตรฐาน ตั้งแต่การตรวจรับรองแบบ การตรวจรับรองแผ่นเหล็กหรือวัสดุสร้างเรือ การทดสอบขั้นโรงงาน การทดสอบหน้าท่า การทดสอบทดลองในทะเล การยิงทดสอบตอร์ปิโดฝึก การทดสอบทดลองให้เต็มศักยภาพก่อนการตรวจรับ รวมทั้งสนับสนุนเอกสารมาตรฐานที่สำคัญต่าง ๆ อีกทั้งกระทรวงกลาโหมจีนก็ยืนยันที่จะพิจารณาให้การสนับสนุนด้านอาวุธที่มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการทางยุทธการและการฝึกเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมาก นับว่าเป็นประโยชน์ต่อความพร้อมในการทำสงครามใต้น้ำของกองทัพเรือเป็นอย่างมาก
#ขั้นตอนกระบวนการจัดหาแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและโปร่งใส
สำหรับการดำเนินโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือและเรือดำน้ำนั้น กองทัพเรือยึดถือแนวทางการจัดหายุทโธปกรณ์หลักของกองทัพเรือ และแนวทางการจัดหายุทโธปกรณ์ทางทหารจากมิตรประเทศ ซึ่งเป็นแนวทางปกติที่ดำเนินการทุกครั้งเมื่อมีการจัดหายุทโธปกรณ์จากภายนอกประเทศ ตั้งแต่การเสนอความต้องการโครงการ การกำหนดความต้องการในรายละเอียด การศึกษาและคัดเลือกแบบ ซึ่งได้มีการดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 การดำเนินการจัดจ้างและการเจรจา การขออนุมัติการจัดซื้อ/จ้างและการทำสัญญา และการบริหารสัญญาให้เป็นไปหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ส่วนการจัดซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้ เป็นความจำเป็นที่จะต้องทำในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการที่มีความสำคัญ มีระยะเวลาดำเนินโครงการค่อนข้างนาน มีวงเงินค่อนข้างสูง ผลสำเร็จมีผลกระทบต่อกองทัพเรือและประเทศไทย และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะทางฝ่ายจีนที่มีทั้งบริษัทต่อเรือ กระทรวงกลาโหมและกองทัพเรือจีน และหน่วยงานของจีนที่กำกับดูแลด้านอุตสาหกรรมทางทหาร ซึ่งจะต้องเข้ามาร่วมให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการให้เดินหน้าและประสบผลสำเร็จ ตั้งแต่ขั้นดำเนินโครงการไปจนถึงการใช้งานตลอดอายุการใช้งาน ดังนั้น การที่จัดทำสัญญาในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาลนี้ ย่อมเป็นการลดความเสี่ยงและสร้างความเชื่อมั่นว่าโครงการจะสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลสามารถกำกับดูแลและติดตามการดำเนินโครงการได้อย่างต่อเนื่อง ง่ายต่อการติดตามตรวจสอบทั้งจากส่วนกลางและภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนงบประมาณที่ใช้ในการจัดหาเรือดำน้ำและการชำระเงิน
งบประมาณที่จะใช้ในการจัดหาเรือดำน้ำครั้งนี้ จำนวน 13,500 ล้านบาท กองทัพเรือใช้จากงบประมาณของกองทัพเรือที่ได้รับปกติในแต่ละปี ในส่วนที่กองทัพเรือใช้ในการลงทุนเพื่อจัดหาอาวุธประเภทต่างๆ มาใช้งาน ซึ่งกองทัพเรือได้ลงทุนเกี่ยวกับการจัดหาอาวุธประเภทต่างๆ ตามที่กล่าวมานี้เป็นปกติในแต่ละปีเป็นประจำอยู่แล้ว เช่น การจัดหาเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง การปรับปรุงเรือฟริเกตชุดเรือหลวงนเรศวร การจัดหาเรือจักรีนฤเบศร เป็นต้น โดยขอตั้งงบประมาณจากรัฐบาลตามกระบวนการปกติเหมือนส่วนราชการอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องจัดหาเครื่องมือต่าง ๆ มาใช้ในการทำงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยงบประมาณที่จะใช้ในการจัดหาเรือดำน้ำ จำนวน 13,500 ล้านบาท ครั้งนี้ จะแบ่งผ่อนชำระเป็นระยะเวลา 7 ปี โดยจะแบ่งจ่ายเงินเป็นงวดๆ ตามความก้าวหน้าในการสร้างเรือ โดยกองทัพเรือได้เจรจากับฝ่ายจีนเกี่ยวกับการชำระเงินในแต่ละปีงบประมาณ ให้สอดคล้องกับความเป็นไปได้ด้านงบประมาณของกองทัพเรือเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีงวดการชำระเงินทั้งหมด 17 งวด ชำระเงินในปี 2560 จำนวน 700 ล้านบาท ส่วนปี 2561 – 2566 จะชำระเงินเฉลี่ยปีละ 2,100 ล้านบาท อีกครั้ง การจ่ายเงินในแต่ละปีจะไม่เป็นภาระงบประมาณของประเทศ และไม่มีผลกระทบกับการใช้งบประมาณด้านอื่น ๆ ของกองทัพเรือ
ข้อดีของการใช้งานเรือดำน้ำแบบ S26T
1.ด้านการซ่อนพรางตัว เรือดำน้ำที่แบบ S26T มีขีดความสามารถในการซ่อนพรางตัวเองสูงมากเมื่อเทียบกับเรือดำน้ำแบบธรรมดาที่ใช้แบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว เพราะจะสามารถอยู่ใต้น้ำได้นานกว่าถึง 5 เท่า เนื่องจากมีการติดตั้งระบบขับเคลื่อนที่ไม่ใช้อากาศจากภายนอก หรือระบบ AIP (Air Independent Propulsion System) หรือหมายถึงไม่ขึ้นมาหายใจ แต่สามารถเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขณะดำอยู่ใต้น้ำได้ เนื่องจากใช้ออกซิเจนจากถังเก็บที่นำไปกับเรือด้วย ทำให้ได้เปรียบต่อฝ่ายตรงข้าม เพราะสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของกำลังทางเรือฝ่ายตรงข้ามได้
2. ด้านระบบอาวุธที่มีหลากหลายและรุนแรง โดยทั่วไปแล้วอาวุธที่เป็นอาวุธหลักของเรือดำน้ำ คือ ตอร์ปิโด ซึ่งจะยิงจากท่อตอร์ปิโด ซึ่งสามารถยิงอาวุธปล่อยนำวิถีใต้น้ำสู่พื้นหรือสู่เป้าหมายบนฝั่งได้ด้วย รวมทั้งยังออกแบบให้สามารถวางทุ่นระเบิดได้อีก ทำให้กองทัพเรือจะมีขีดความสามารถในการสู้รบเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมากจากการได้รับอาวุธ
ทั้ง 3 ชนิดที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ถือเป็นขีดความสามารถที่สำคัญ
3. ด้านความปลอดภัย ภายในตัวเรือดำน้ำแบบ S26T ได้ออกแบบให้แบ่งเป็นห้องหรือ Compartment ย่อย ๆ ที่กันน้ำ เมื่อมีเหตุการณ์น้ำเข้าเรือห้องใดห้องหนึ่งเรือก็ยังมีแรงลอยตัวสำรองมากพอที่สามารถนำเรือขึ้นสู่ผิวน้ำได้ นอกจากนี้การแบ่งเป็นห้องหรือ Compartment ย่อย เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นในห้องใดห้องหนึ่ง กำลังพลของเรือก็ยังสามารถย้ายไปยังห้องอื่น เพื่อรอคอยความช่วยเหลือจากยานกู้ภัยเรือดำน้ำหรือจากหน่วยที่ให้ความช่วยเหลือได้ ซึ่งปัจจุบันยานช่วยชีวิตหรือยานกู้ภัยเรือดำน้ำได้รับการออกแบบให้สามารถให้การช่วยเหลือเรือดำน้ำที่ประสบเหตุได้ถึงความลึก กว่า 500 เมตร โดยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหนีออกจากเรือดำน้ำ ที่เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อไม่มีหนทางอื่น เนื่องจากการหนีออกจากเรือดำน้ำมาเองนั้นเสี่ยงอันตรายมาก
4. ด้านการฝึกอบรมกำลังพลที่จะไปเป็นกำลังพลรับเรือกลับมาและใช้งานเรือดำน้ำลำนี้ชุดแรก จะได้รับการฝึกอบรมเป็นขั้นเป็นตอนจากกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีประสบการณ์การฝึกอบรมมากว่า 60 ปี มีกำลังพลที่ผ่านการอบรมแล้วกว่า 80,000 นาย ซึ่งการอบรมให้กับกำลังพลของกองทัพเรือจะใช้แนวทางการฝึกอบรมแบบเดียวกับที่ทำการฝึกอบรมให้กับกำลังพลประจำเรือของสาธารณรัฐประชาชนจีนเอง ที่มีเรือดำน้ำแบบดีเซล-ไฟฟ้า ใช้งานมากกว่า 50 ลำ โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการฝึกอบรมในห้องเรียน เพื่อเรียนรู้ทางภาคทฤษฎีในหน้าที่ของแต่ละคน การฝึกในเครื่องฝึกจำลอง (Simulator) เพื่อเรียนรู้การทำงานของหน้าที่และอุปกรณ์ต่างๆในเรือดำน้ำ การเรียนรู้อุปกรณ์ในเรือจริงเพื่อให้สามารถใช้งานและเกิดความคุ้นเคย การลงฝึกในเรือดำน้ำที่สร้างเสร็จแล้ว ทำการฝึกกำลังพลทั้งลำในการใช้งานเรือ ตั้งแต่การเดินเรือตามปกติในทะเล ซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญ ไปจนถึงการฝึกใช้อาวุธ โดยกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีนจะทำการฝึกและควบคุมการฝึก ตลอดระยะเวลาการฝึกอบรมทั้งสิ้นประมาณ 2 ปี
5. ด้านการดูแลรักษาที่ต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากการรับประกันหลังการส่งมอบระยะเวลา 2 ปี ที่บริษัทอื่นไม่ได้เสนอแล้ว การรับประกันเปลี่ยนอะไหล่ที่ชำรุด ในวงรอบ 8 ปี ที่รวมการสนับสนุนอะไหล่ที่ต้องการสำหรับการทำการตรวจสภาพเรือตามวงรอบถึง 5 ครั้ง (3 Dock check และ 2 Minor overhaul) ในช่วงดังกล่าวด้วย รวมทั้งการสนับสนุนเจ้าหน้าที่เทคนิคมาประจำที่กองเรือดำน้ำ ตลอดช่วงเวลารับประกันเป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเริ่มต้นของการมีเรือดำน้ำเข้าประจำการของกองทัพเรืออีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ กองทัพเรือได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการจะจัดหาเรือดำน้ำมาประจำการ จึงได้มีการเตรียมงานเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอาคารกองบัญชาการกองเรือดำน้ำ การสร้างอาคารที่พักสำหรับกำลังพล การจัดส่งกำลังพลไปฝึกอบรมด้านเรือดำน้ำจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สาธารณรัฐเกาหลี
และสหรัฐอเมริกา การเข้าประชุมสัมมนาต่างๆ ทั้งในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก และยุโรป การจัดส่งกำลังพลร่วมฝึกและสังเกตการณ์ฝึกในเรือดำน้ำ การส่งคณะไปแลกเปลี่ยนความรู้และข้อมูลกับกองเรือดำน้ำประเทศต่าง ๆ รวมทั้ง ได้จัดหาเครื่องฝึกศูนย์ยุทธการเรือดำน้ำ เพื่อเป็นการศึกษา ทบทวน ความรู้ให้กับกำลังพล และทดสอบ ทดลองยุทธวิธีเรือดำน้ำ
ข้อมูลเพิ่มเติม การพัฒนากำลังรบของประเทศในแถบอาเซียนที่มีเขตแดนติดกับประเทศไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า
1. ประเทศมาเลเซีย จะมีเรือผิวน้ำติดอาวุธปล่อยนำวิถี 20 ลำ เรือดำน้ำ 2 ลำ
2. ประเทศสิงคโปร์ จะมีเรือผิวน้ำติดอาวุธปล่อยนำวิถี 12 ลำ เรือดำน้ำ 6 ลำ
3. ประเทศเวียดนาม จะมีเรือผิวน้ำติดอาวุธปล่อยนำวิถี 20 ลำ เรือดำน้ำ 6 ลำ
4. ประเทศเมียนมา จะมีเรือผิวน้ำติดอาวุธปล่อยนำวิถี 38 ลำ เรือดำน้ำ 4 ลำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น