www.thaidefense-news.blogspot.com/by sukom วัตถุประสงค์ของการเปิดบล็อกนี้ เพื่อการแบ่งปัน แลกเปลี่ยนข้อมูล-ความคิดเห็น รวมถึงเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ข่าวคราว ความเป็นไปทางด้านการทหาร และ เทคโนโลยีด้านการทหาร แก่บุคคลที่สนใจและบุคคลทั่วไป
วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
USS GREEN BAY [LPD-20] CG19 เดินทางกลับฐานที่ตั้งปกติ
USS GREEN BAY [LPD-20] CG19 เดินทางกลับฐานท ี่ตั้งปกติ โดยออกจากท่าเที ยบเรือ สัตหีบ เวลา 10.00 น.
ตั้งโอ๋ Photo sport -รูปภาพ 74 ภาพในอัลบั้ม: ส่ง USS GREEN BAY [LPD-20] CG19 เดินทางกลับฐานท ี่ตั้งปกติ
#ตั้งโอ๋PhotoSpo rt ช่างภาพสายลุย
วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
พิธีปิดการฝึกคอบร้าโกลด์ 2019
ปิดม่านการฝึกรบร่วมทางการทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซี่ยนแล้วสำหรับการการฝึกคอบร้าโกลด์ ประจำปีนี้ แม้จะเป็นการฝึกในวงรอบ Light year ตามวงรอบการฝึกที่มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงของภูมิภาคอาเซี่ยน แต่การจำลองสถานการณ์การดำเนินการยุทธด้วยกระสุนจริง (CALFEX) ที่สนามใช้อาวุธบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย ก็ยังเต็มไปด้วยความเข้มข้น โดยฝ่ายสหรัฐจัดกำลังร่วมระหว่างกองทัพบกและนาวิกโยธิน พร้อมด้วยระบบยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยมาฝึกร่วมกับกำลังของกองทัพบกและกองทัพอากาศไทยอย่างเต็มรูปแบบ
ไฮไลท์การฝึกในครั้งนี้คือการนำเอารถถังหลักแบบ M1A1 FEP อบรามส์ ของหน่วยนาวิกโยธิน กองพันรถถังที่ 4 ชาร์ลีคอมพานี ที่มาไกลจากฐานในรัฐไอดาโอ นับเป็นครั้งที่ 2 ของรถถังหลักแบบนี้ที่ได้กลับมาร่วมการฝึกหลังจากว่างเว้นไม่ได้มาร่วมการฝึกรายการนี้กว่า 10 ปี พร้อมกับระบบแท่นยิงจรวดอัตตาจร HIMARS M142 จรวดโจมตีระยะไกลขนาด 227 มม.ที่มาร่วมการฝึกด้วยการยิงลูกจริงเป็นครั้งแรก
ส่วนกำลังทหารราบเป็นกำลังของกรมทหารราบที่ 2 “อินเดียนเฮด” ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยรบชั้นแนวหน้าของสหรัฐที่มีความผูกพันกับกองทัพบกไทยมาตั้งแต่สงครามเกาหลี เพราะนี้คือหน่วยที่ทหารไทยได้เข้าร่วมในสังกัดขณะเดินทางไปร่วมปฏิบัติงานในสงครามเกาหลี โดยพวกเขาได้ให้กองทหารไทยได้ติดตราสัญลักษณ์ของศรีษะอินเดียนอยู่ที่หัวไหล่เช่นเดียวกันเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการรบเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกันในสงครามครั้งนั้น ซึ่งตราสัญลักษณ์นี้ กำลังพลของกรมทหารราบที่ 2 ยังติดอยู่ที่หัวไหล่ของพวกเขาจนถึงทุกวันนี้
ยุทธยานยนต์ที่เป็นกำลังหลักในการดำเนินการยุทธในการฝึกครั้งนี้คือรถรบสไตร์เกอร์ ยานเกราะ 8 ล้อ ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างใหม่ของกองทัพบกสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการลำเลียงพลในสนามรบได้อย่างคล่องตัว จากจำนวนที่ส่งเข้าร่วมการฝึกกว่า 20 คัน มีรูปแบบทีแตกต่างกันไปทั้งรุ่นลำเลียงพล, รุ่นติดปืนครก 120 มม., รถลาดตระเวนตรวจการณ์, รถบัญชาการ และรถกู้ซ่อม โดยเป็นการจัดกำลังจากกำลังยานเกราะของกรมทหารราบที่ 20 ที่มีที่ตั้งอยู่ที่รัฐวอชิงตัน
ฉากในการสาธิตในครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นรูปแบบการปฏิบัติงานทางยุทธวิธียุคปัจจุบัน ที่ใช้การผสมผสานกันระหว่างเหล่าทัพโดยใช้ยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ทำหน้าที่เป็นหัวหอกทำลายแนวป้องกันของข้าศึกอันเป็นการปฏิบัติงานร่วมกันโดยเริ่มจากการยิงสนับสนุนระยะไกลจากปืนใหญ่ 155 มม. และจรวดโจมตีแบบ HIMARS ที่เปิดตัวในการฝึกครั้งนี้เป็นครั้งแรก จากนั้นจึงเริ่มฉากการรุกภาคพื้นร่วมกัน ระหว่างรถถัง M1 และรถถังสตริงเรย์ของ ม.3พัน26 และใช้กำลังยานยนต์ล้อยางลำเลียงกำลังพลเข้าสู่พื้นที่โดยรถหุ้มเกราะ BTR และรถสไตร์เกอร์ ที่มีการคุ้มครองทางอากาศโดยเครื่องบินรบแบบ F-16 และอัลฟ่าเจ็ต ทำการสนับสนุนการโจมตีจากทางอากาศอย่างใกล้ชิด ภายใต้การส่งข้อมูลภาพแบบเรียลไทม์จากยาน UAV แอร์โร่สตาร์ของฝูงบิน 404 ส่วนภารกิจการส่งกำลังเสริมทางอากาศเป็นภารกิจของเฮลิคอปเตอร์แบบแบล็คฮอว์คของกองทัพบก และการลำเลียงส่งกลับทางการแพทย์ปฏิบัติภารกิจโดนฮ.EC-725 ของกองทัพอากาศ
แม้จำนวนกำลังพลจะไม่มีจำนวนมากเท่ากับการฝึกใน Heavy year แต่การฝึกในครั้งนี้ยังทำให้เราได้เห็นถึงพัฒนาการของเทคโนโลยีทางการทหารของสหรัฐฯ ที่โดดเด่นในด้านความแม่นยำ โดยเฉพาะการคำนวณหาเป้าหมายและใช้อาวุธระยะไกลทำลายเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ และอุปกรณ์แสดงผลการยิงที่ทำให้สามารถตรวจสอบวิถีการยิง และจำลองผลการปฏิบัติงานเข้าตีของทุกให้เห็นภาพร่วมกันได้อย่างชัดเจน
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีปิดการฝึก พลเรือเอกฟิลิป เอส เดวิดสัน ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโด–แปซิฟิก ได้กล่าวย้ำถึงการให้ความสำคัญกับการฝึกคอบร้าโกลด์ที่จะสะท้อนถึงการเพิ่มความร่วมมือกันของเหล่าชาติในภูมิภาคในฐานะมิตรสำคัญของสหรัฐในการฝึกครั้งต่อไป และพวกเขาจะเริ่มประชุมแผนงานสำหรับรูปแบบการฝึกครั้งต่อไปทันทีในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อให้การฝึกรายการนี้เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม.../ThaiArmedForce.com
ไฮไลท์การฝึกในครั้งนี้คือการนำเอารถถังหลักแบบ M1A1 FEP อบรามส์ ของหน่วยนาวิกโยธิน กองพันรถถังที่ 4 ชาร์ลีคอมพานี ที่มาไกลจากฐานในรัฐไอดาโอ นับเป็นครั้งที่ 2 ของรถถังหลักแบบนี้ที่ได้กลับมาร่วมการฝึกหลังจากว่างเว้นไม่ได้มาร่วมการฝึกรายการนี้กว่า 10 ปี พร้อมกับระบบแท่นยิงจรวดอัตตาจร HIMARS M142 จรวดโจมตีระยะไกลขนาด 227 มม.ที่มาร่วมการฝึกด้วยการยิงลูกจริงเป็นครั้งแรก
ส่วนกำลังทหารราบเป็นกำลังของกรมทหารราบที่ 2 “อินเดียนเฮด” ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยรบชั้นแนวหน้าของสหรัฐที่มีความผูกพันกับกองทัพบกไทยมาตั้งแต่สงครามเกาหลี เพราะนี้คือหน่วยที่ทหารไทยได้เข้าร่วมในสังกัดขณะเดินทางไปร่วมปฏิบัติงานในสงครามเกาหลี โดยพวกเขาได้ให้กองทหารไทยได้ติดตราสัญลักษณ์ของศรีษะอินเดียนอยู่ที่หัวไหล่เช่นเดียวกันเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการรบเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกันในสงครามครั้งนั้น ซึ่งตราสัญลักษณ์นี้ กำลังพลของกรมทหารราบที่ 2 ยังติดอยู่ที่หัวไหล่ของพวกเขาจนถึงทุกวันนี้
ยุทธยานยนต์ที่เป็นกำลังหลักในการดำเนินการยุทธในการฝึกครั้งนี้คือรถรบสไตร์เกอร์ ยานเกราะ 8 ล้อ ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างใหม่ของกองทัพบกสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการลำเลียงพลในสนามรบได้อย่างคล่องตัว จากจำนวนที่ส่งเข้าร่วมการฝึกกว่า 20 คัน มีรูปแบบทีแตกต่างกันไปทั้งรุ่นลำเลียงพล, รุ่นติดปืนครก 120 มม., รถลาดตระเวนตรวจการณ์, รถบัญชาการ และรถกู้ซ่อม โดยเป็นการจัดกำลังจากกำลังยานเกราะของกรมทหารราบที่ 20 ที่มีที่ตั้งอยู่ที่รัฐวอชิงตัน
ฉากในการสาธิตในครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นรูปแบบการปฏิบัติงานทางยุทธวิธียุคปัจจุบัน ที่ใช้การผสมผสานกันระหว่างเหล่าทัพโดยใช้ยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ทำหน้าที่เป็นหัวหอกทำลายแนวป้องกันของข้าศึกอันเป็นการปฏิบัติงานร่วมกันโดยเริ่มจากการยิงสนับสนุนระยะไกลจากปืนใหญ่ 155 มม. และจรวดโจมตีแบบ HIMARS ที่เปิดตัวในการฝึกครั้งนี้เป็นครั้งแรก จากนั้นจึงเริ่มฉากการรุกภาคพื้นร่วมกัน ระหว่างรถถัง M1 และรถถังสตริงเรย์ของ ม.3พัน26 และใช้กำลังยานยนต์ล้อยางลำเลียงกำลังพลเข้าสู่พื้นที่โดยรถหุ้มเกราะ BTR และรถสไตร์เกอร์ ที่มีการคุ้มครองทางอากาศโดยเครื่องบินรบแบบ F-16 และอัลฟ่าเจ็ต ทำการสนับสนุนการโจมตีจากทางอากาศอย่างใกล้ชิด ภายใต้การส่งข้อมูลภาพแบบเรียลไทม์จากยาน UAV แอร์โร่สตาร์ของฝูงบิน 404 ส่วนภารกิจการส่งกำลังเสริมทางอากาศเป็นภารกิจของเฮลิคอปเตอร์แบบแบล็คฮอว์คของกองทัพบก และการลำเลียงส่งกลับทางการแพทย์ปฏิบัติภารกิจโดนฮ.EC-725 ของกองทัพอากาศ
แม้จำนวนกำลังพลจะไม่มีจำนวนมากเท่ากับการฝึกใน Heavy year แต่การฝึกในครั้งนี้ยังทำให้เราได้เห็นถึงพัฒนาการของเทคโนโลยีทางการทหารของสหรัฐฯ ที่โดดเด่นในด้านความแม่นยำ โดยเฉพาะการคำนวณหาเป้าหมายและใช้อาวุธระยะไกลทำลายเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ และอุปกรณ์แสดงผลการยิงที่ทำให้สามารถตรวจสอบวิถีการยิง และจำลองผลการปฏิบัติงานเข้าตีของทุกให้เห็นภาพร่วมกันได้อย่างชัดเจน
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีปิดการฝึก พลเรือเอกฟิลิป เอส เดวิดสัน ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโด–แปซิฟิก ได้กล่าวย้ำถึงการให้ความสำคัญกับการฝึกคอบร้าโกลด์ที่จะสะท้อนถึงการเพิ่มความร่วมมือกันของเหล่าชาติในภูมิภาคในฐานะมิตรสำคัญของสหรัฐในการฝึกครั้งต่อไป และพวกเขาจะเริ่มประชุมแผนงานสำหรับรูปแบบการฝึกครั้งต่อไปทันทีในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อให้การฝึกรายการนี้เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม.../ThaiArmedForce.com
วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
การฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง Cobra Gold 19
การฝึกดำเนินกลย ุทธ์ด้วยกระสุนจ ริง Cobra Gold 19…วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 พลเอก
พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหาร สูงสุด ดอกเตอร์ ปีเตอร์ เฮย์มอนด์
อุปทูตรักษาการเ อกอัครราชทูตสหร ัฐอเมริกาประจำป ระเทศไทย และ พลเรือเอก ฟิลิป เอส เดวิดสัน
ผู้บัญชาการกองก ำลังสหรัฐอเมริก า ภาคพื้นอินโด แปซิฟิก
เป็นประธานร่วมใ นพิธีปิดการฝึกค อบร้าโกลด์ 19 ณ สนามฝึกกองทัพภา คที่ 3 อำเภอบ้านด่านลา นหอย จังหวัดสุโขทัย
พร้อมทั้งชมการส าธิตการฝึกดำเนิ นกลยุทธ์ด้วยกระ สุนจริง (CALFEX) และชมนิทรรศการอ าวุธยุทโธปกรณ์พ ร้อมวีดิทัศน์ปร ะมวลภาพการฝึกคอ บร้าโกลด์ 19
...การฝึกดำเนิน กลยุทธ์ด้วยกระส ุนจริง ประกอบด้วย กำลังพลและยุทโธ ปกรณ์จากกองทัพไ ทย กองทัพสหรัฐอเมร ิกา กองทัพอินโดนีเซ ีย กองทัพมาเลเซีย และกองทัพสิงคโป ร์ ยอดผู้เข้าร่วมก ารฝึกกว่า 725 นาย กิจกรรมการฝึกฯ ประกอบด้วย
การโดดร่มแทรกซึ มเบื้องสูง
การซุ่มยิง การบินขัดขวางทา งอากาศ
การยิงเตรียมและ การยิงสนับสนุนข องปืนใหญ่ การเจาะช่องเปิด เส้นทางของทหารช ่าง การเคลื่อนที่ปร ะกอบการยิง การโจมตีทางอากา ศ การสนับสนุนทางอ ากาศใกล้ชิด การยุทธ์เคลื่อน ที่ทางอากาศ การส่งกลับสายแพ ทย์ทางอากาศ และการเข้ายึดที ่หมาย โดยมียุทโธปกรณ์ สำคัญที่เข้าร่ว มการฝึกฯ ประกอบด้วย รถถัง Stingray
รถยานเกราะล้อยา ง BTR-3E1 ปืนใหญ่
M198 เครื่องบินขับไล ่ F-16
เครื่องบินโจมตี Alpha Jet
เฮลิคอปเตอร์ UH-60 Black Hawk และเฮลิคอปเตอร์ AS550 จากกองทัพไทย รถถังแบบ M1A1 Abrams
รถหุ้มเกราะล้อย าง Stryker
จรวดหลายลำกล้อง HIMARS ปืนใหญ่
M777 เครื่องบินขับไล ่ F-16
เฮลิคอปเตอร์ UH-60 Black Hawk เฮลิคอปเตอร์ HH-60 Pave Hawk และ ปืนใหญ่ M777
จากกองทัพสหรัฐอ เมริกา
…ปัจจุบันการฝึก คอบร้าโกลด์
ถือเป็นการฝึกทา งทหารที่มีขนาดใ หญ่ที่สุดในภูมิ ภาคเอเชียตะวันอ อกเฉียงใต้ ซึ่งกองทัพไทย แล ะกองกำลังสหรัฐอ เมริกา ภาคพื้นอินโดแปซิฟิก
ร่วมกันเป็นเจ้า ภาพจัดการฝึกในป ระเทศไทยเป็นประ จำทุกปี การฝึกคอบร้าโกล ด์ ที่ผ่านมา นับว่าประสบผลสำ เร็จเป็นอย่างสู ง ในการพัฒนาขีดคว ามสามารถกำลังพล ของประเทศที่เข้ าร่วมการฝึกฯ และเป็นศูนย์รวม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชากา ร หลักนิยม และเทคโนโลยีทาง ทหาร รวมทั้งเพิ่มพูน ประสบการณ์ให้กั บกำลังพลของกองท ัพไทยและกองทัพม ิตรประเทศในปฏิบ ัติการร่วม/ ผสม สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่ นในการที่จะเสริ มสร้างความร่วมม ือและความสัมพัน ธ์อันดีระหว่างก ัน เพื่อรักษาเสถีย รภาพและผลประโยช น์ร่วมกันของภูม ิภาคโดยรวม นอกจากนั้นยังเป ็นการส่งเสริมกา รท่องเที่ยว และสร้างรายได้ใ ห้กับท้องถิ่น รวมทั้งเป็นการส ร้างภาพลักษณ์ที่่ดีของประเทศไทย ในสายตาของกำลัง พลมิตรประเทศที่ เข้าร่วมการฝึกอ ีกด้วย…Cobra gold Media /Sompong Nondhasa
...การฝึกดำเนิน
…ปัจจุบันการฝึก
M1A1 ABRAMS โชว์ยิงอาวุธในไทย... เฉียบขาด!
คลิก! M 1 เข้าไปรับชมอัลบั้มภาพ รถถังหลัก M-1 Abrams ในการฝึก COBRA GOLD 2019 ภาพถ่ายโดย ตั้งโอ๋ Photo sport
ประมวลภาพการฝึก Cobra Gold 2019
ประมวลภาพการฝึก Cobra Gold 2019...ภาพยุทโธปกรณ์แบบต่างๆ ทั้งของฝ่ายไทยและสหรัฐอเมริกา ที่นำเข้าร่วมการฝึก Cobra Gold ในปีนี้...
วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
ทอ.ไทย-ทอ.สหรัฐฯ ฝึกภาคการบิน Cobra gold 19
กองทัพอากาศไทย-กองทัพอากาศสหรัฐ ฯ ฝึกภาคการบิน Cobra gold 19…
ในการฝึกคอบร้าโ กลด์ 19
กองทัพอากาศไทย และ กองทัพอากาศสหรั ฐอเมริกา จัดกำลังพล และอากาศยาน
เข้าร่วมการฝึกภ าคการบิน
โดยวางกำลัง ณ กองบิน 1 จังหวัดนครราชสี มา ระหว่างวันที่ 10 - 22 กุมภาพันธ์ 2562 กองทัพอากาศไทย จัดเครื่อ งบินขับไล่ F-16
จำนวน 15 เครื่อง จากฝูงบิน 102, 103 และ 403 รวมทั้งเครื่องบ ินลำเลียง C-130 จำนวน 1 เครื่อง จากฝูงบิน 601
เข้าร่วมการฝึก ในส่วนของกองทัพอากาศสหร ัฐฯ จัดเครื่องบินขั บไล่ F-16 จำนวน 12 เครื่อง จาก 35th Fighter
Squadron เข้าร่วมการฝึก สำหรับภารกิจการ ฝึกภาคการบินในค รั้งนี้ เน้นการฝึกทางด้ านยุทธวิธีการรบ ทางอากาศในภารกิ จต่างๆ ได้แก่ การบินขับไล่ขั้ นมูลฐาน การบินรบในอากาศ การบินสกัดกั้นท ี่ระยะสูงต่ำ การบินยุทธวิธีก ารรบในอากาศ การบินสนับสนุนท างอากาศโดยใกล้ช ิด การบินสนับสนุนก ารส่งลงทางอากาศ การบินตอบโต้ทาง อากาศเชิงรุก การบินตอบโต้ทาง อากาศเชิงรับ รวมถึงการบินประ กอบกำลังขนาดใหญ ่ ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาขีดคว ามสามารถ และปรับปรุงข้อข ัดข้องในการวางแ ผน ควบคุม และปฏิบัติการทา งอากาศผสมระหว่า งกองทัพอากาศทั้ งสองชาติ รวมถึงแลกเปลี่ย นประสบการณ์ ยุทธวิธี
และเรียนรู้เทคน ิคในการปฏิบัติต ลอดจนเทคโนโลยีใ หม่ที่ทันสมัยระ หว่างกัน Photo…Cobra Gold media
ในส่วนกองทัพอาก าศ /ที่มา: Sompong Nondhasa
วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
ความคืบหน้าล่าสุดในการต่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำที่สอง "ร.ล.ประจวบคีรีขันธ์"
เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ ติดตั้งปืน 76/62 Super Rapid Multifeed เป็นอีกอย่างที่จะทำให้เรือลำนี้แตกต่างไปจาก เรือหลวงกระบี่ ครับ.../Navy For Life
เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ หรือ เรือหลวงตรัง (ชื่อเดิม) เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำที่สอง จากชุดเรือหลวงกระบี่ ซึ่ง เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ มีความแตกต่างไปจาก เรือหลวงกระบี่ อยู่หลายจุด โดยเฉพาะระบบอาวุธที่ทำการติดตั้งกับ เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ นั้น นอกจากปืนใหญ่เรือแบบ OTO Melara 76/62 Super Rapid Multifeed ที่เป็นรุ่นใหม่กว่า ก็ยังมีอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำแบบ Harpoon เป็นต้น.../Live Firing Test ปืน 76/62 Super Rapid Multifeed ของเรือ OPV ลำที่ 2 (เรือหลวงตรัง)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)