หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2562

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเจิม เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช

วันนี้ (16 ตุลาคม 2562) เวลา 18.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเจิม #เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช ณ ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก ชุมศักดิ์ นาควิจิตร ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พลเรือโท วราห์ แทนขำ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ พลตำรวจตรี ประการ ประจง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นางสาวนภาวรรณ ขุนอักษร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพัทยา พร้อมด้วยข้าราชการ ทหาร ลูกจ้าง พนักงานราชการกองทัพเรือ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ

เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช ขึ้นการบังคับบัญชากับกองเรือฟริเกตที่ ๑ กองเรือยุทธการ จัดเป็น #เรือรบ ชั้น ๑ ของ #กองทัพเรือ มีผู้บังคับการเรือชั้นยศนาวาเอก มีกำลังพลประจำเรือ ๑๔๑ นาย ได้รับการออกแบบและสร้างเรือโดยใช้มาตรฐานทางทหารของกองทัพเรือชั้นนำ มีระวางขับน้ำสูงสุด ๓,๗๐๐ ตัน ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ CODAG (Combined Diesel and Gas Turbine) ทำความเร็วสูงสุดมากกว่า ๓๐ นอต มีระยะปฏิบัติการในทะเลที่ความเร็ว ๑๘ นอต มากกว่า ๔,๐๐๐ ไมล์ทะเล มีความคงทนทะเลสูงถึงภาวะทะเลระดับ ๘ หรือ ความสูงคลื่น ๑๔ เมตร สามารถปฏิบัติการในทะเลได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องรับการส่งกำลังบำรุงไม่น้อยกว่า ๒๑ วัน คุณลักษณะของเรือถูกออกแบบโดยใช้ Stealth Technology เพื่อลดขนาดพื้นที่หน้าตัดการสะท้อนคลื่นเรดาร์ ลดการแผ่รังสีความร้อนจากตัวเรือ และลดการแพร่คลื่นเสียงใต้น้ำ ทำให้ยากต่อการถูกตรวจจับและพิสูจน์ทราบ

เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบทางเรือทั้ง ๓ มิติ ได้แก่ #การรบผิวน้ำ #การปราบเรือดำน้ และ #การป้องกันภัยทางอากาศ รวมทั้งยังมีขีดความสามารถในการโจมตีที่หมายชายฝั่งด้วย #อาวุธปล่อยนำวิถ โดยสามารถปฏิบัติงานร่วมกับอากาศยานของกองทัพเรือได้ทุกประเภท มีดาดฟ้าและโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ สามารถนำเฮลิคอปเตอร์ขนาดไม่เกิน ๑๐ ตัน ไปกับเรือได้ ๑ ลำ เช่น เฮลิคอปเตอร์แบบ S-70B Sea Hawk หรือ แบบ MH-60S Knight Hawk เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการในทะเล นอกจากนั้น ยังมีขีดความสามารถในการตรวจการณ์และการทำ #สงครามอิเล็กทรอนิกส์ ครอบคลุมทุกมิติ ทุกระยะ ด้วยอุปกรณ์ตรวจจับที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ #เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ และอากาศแบบ AMB-EP เรดาร์ตรวจการณ์ทางอากาศระยะไกลแบบ AMB-ER โซนาร์แบบ DSQS- 24C โซนาร์ลากท้ายแบบ ACTAS-20 ระบบดักรับการแพร่คลื่นเรดาร์ R-ESM และระบบดักรับการแพร่คลื่นวิทยุ C-ESM เป็นต้น ในส่วนของระบบอาวุธได้รับการติดตั้งอาวุธที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง ได้แก่ ปืนหลักแบบ 76/62 Super Rapid Multi-Feed ปืนกลรองแบบ 30 มม. MSI อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นแบบ Harpoon Block II อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศแบบ ESSM ระบบป้องกันตนเองระยะประชิดแบบ Phalanx ตอร์ปิโดปราบเรือดำน้ำแบบ MK 54 และระบบแท่นยิงเป้าลวงต่อต้านอาวุธปล่อยนำวิถีและตอร์ปิโด แบบ Soft Kill Weapon System (SKWS) DL-12T และ แบบ MK 137 สำหรับหัวใจในการบริหารจัดการการรบ หรือ Combat Management นั้น #เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช ได้รับการติดตั้งระบบอำนวยการรบ SAAB 9LV MK 4 ที่ใช้เป็นมาตรฐานใน #เรือรบหลักของกองทัพเรือ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี หรือ Tactical Data Link กับ #เรือฟริเกต ชุดเรือหลวงนเรศวร และเรือหลวงจักรีนฤเบศร รวมถึงเครื่องบินตรวจการณ์และเตือนภัยล่วงหน้า SAAB 340 AEW&C Erieye และเครื่องบินขับไล่ JAS-39 Gripen ของกองทัพอากาศ จึงทำให้ทุกหน่วยในพื้นที่การรบสามารถเห็นและเข้าใจภาพสถานการณ์เดียวกัน เป็นการทวีกำลังขีดความสามารถการรบให้กับกองทัพ ส่งผลให้การปฏิบัติการร่วมในลักษณะกองเรือ Battle Group และการปฏิบัติการร่วมกับกองทัพอากาศมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบแล้ว เรือลำนี้ยังมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางทหารที่ไม่ใช่สงครามได้หลากหลายภารกิจเช่นกัน ได้แก่ #การบังคับใช้กฎหมายในทะเล #การตรวจค้นเรือต้องสงสัย ด้วยเรือ RHIB ที่มีความเร็วสูงมากกว่า ๔๐ นอต ๒ ลำ #การต่อต้านการก่อการร้ายในทะเล ด้วยการใช้เป็นกองบัญชาการของส่วนควบคุมชุดปฏิบัติการพิเศษและเป็นฐานบินของเฮลิคอปเตอร์ ตลอดจนการปฏิบัต#การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล ด้วยการใช้ระบบอำนวยการรบและระบบเดินเรือแบบรวมการวิเคราะห์ทิศทางการเคลื่อนที่ของยานพาหนะหรือผู้ประสบภัยในทะเล การเคลื่อนที่ของคราบน้ำมัน และการเคลื่อนที่ของกลุ่มก๊าซที่ลอยในอากาศ โดยเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช ยังถูกออกแบบให้มีขีดความสามารถในการอยู่รอดขณะปฏิบัติการในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนของสารนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพ ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ รวมทั้งการปรับใช้พื้นที่ในโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ที่มีระบบปรับอากาศรองรับ เป็น #ที่พักชั่วคราวของผู้ประสบภัย ตลอดจนการสนับสนุนการส่งกลับทางสายแพทย์ หรือ MEDVAC จากพื้นที่ประสบภัยบนฝั่งมายังเรือ หรือ จากเรือในทะเลไปยังโรงพยาบาลบนฝั่ง

เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เป็น #เรือฟริเกตสมรรถนะสูง อเนกประสงค์ หรือ High Performance Multi-Role Frigate ที่มีความอ่อนตัว สามารถปฏิบัติการได้หลากหลายภารกิจ ด้วยคุณลักษณะและขีดสมรรถนะของเรือที่ยอดเยี่ยม ประกอบกับกำลังพลที่มีขีดความสามารถสูง ผ่านการฝึกฝนให้สามารถปฏิบัติงานร่วมกันเป็นทีม สอดประสานกัน และใช้เรือได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้เรือฟริเกตสมรรถนะสูงฯ ลำนี้ เป็นกำลังรบหลักของ #กองเรือยุทธการ และเป็นกำลังสำคัญของกองทัพเรือที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการป้องกันประเทศและ #รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ต่อไป
https://www.facebook.com/RoyalThaiNavyFanpage/photos/pcb.2971016869592477/2971042462923251/?type=3&theater






































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น