หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

การฝึกสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2560

วันนี้ (9 พฤษภาคม 2560) เวลา 10.30 น. พลเรือเอก พลเดช เจริญพูล รองผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2560 ณ สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม อำเภอเขาคิชกุฏ จังหวัดจันทบุรี
การฝึกการสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2560 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์การฝึก ดังนี้
1. เพื่อฝึกการปฏิบัติร่วมทางบกและทางอากาศ
2. เพื่อฝึกการสนับสนุนกำลังจากกองทัพบก
3. เพื่อฝึกการขอรับการสนับสนุนทางอากาศ (BAI/CAS)
4. เพื่อฝึกยุทธวิธีทหารราบยานเกราะ (MECHANIZE INFANTRY)
5. เพื่อฝึกการปฏิบัติการร่วมของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
6. เพื่อฝึกการยุทธส่งทางอากาศและการยุทธเคลื่อนที่ทางอากาศ
7. เพื่อฝึกการสนับสนุนการช่วยรบ และการส่งกลับสายแพทย์
8. เพื่อฝึกการปฏิบัติการพิเศษร่วม

ในการฝึกครั้งนี้แบ่งการฝึกเป็น 2 ขั้นตอน ประกอบด้วย
1. การฝึกแลกเปลี่ยน/ปรับมาตรฐาน (CTX) ซึ่งประกอบด้วย
1.1 การฝึกแลกเปลี่ยน/ปรับมาตรฐาน ของ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กับ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ระหว่าง 28 เมษายน -5 พฤษภาคม 2560
1.2 การฝึกแลกเปลี่ยน/ปรับมาตรฐาน ของ กองพลนาวิกโยธิน กับ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ระหว่าง 1 - 5 พฤษภาคม 2560
2. การฝึกการสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง 6 - 10 พฤษภาคม 2560

สำหรับการฝึกในครั้งนี้ เป็นการฝึกสถานการณ์เพื่อทดสอบการปฏิบัติการร่วมกัน ทั้งระดับหน่วยกำลังที่เข้าร่วมฝึก ระดับกองทัพเรือ และระหว่างเหล่าทัพ โดยมี กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นหน่วยฝึกหลัก และมีหน่วยร่วมฝึกประกอบด้วย กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กรมแพทย์ทหารเรือ กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ กองทัพบก และกองทัพอากาศ ร่วมทำการฝึก ในห้วงเวลา 6 - 10 พฤษภาคม 2560

ในส่วนของการจัดกำลังเข้าร่วมการฝึกจากหน่วยต่างๆ จัดจาก กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ประกอบด้วย รถยานเกราะล้อยาง BTR-3E1 จำนวน 12 คัน รถ AAVC จำนวน 8 คัน รถฮัมวี่ HMMWV จำนวน 6 คัน ปืนใหญ่ขนาดกลางกระสุนวิถีโค้ง 155 มิลลิเมตร จำนวน 4 แท่น ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้ง 105 มิลลิเมตร จำนวน 4 แท่น และรถบรรทุก 19 คัน  กำลังจากกองเรือยุทธการ ประกอบด้วย เครื่องบินลำเลียง จำนวน 1 ลำ และ เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง จำนวน 4 ลำ  กำลังจาก หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ประกอบด้วย ปืนใหญ่ขนาดกลางกระสุนวิถีโค้ง 155 มิลลิเมตร จำนวน 4 แท่น  กำลังจาก กรมแพทย์ทหารเรือ ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามทางบก ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการแพทย์ ชุดคัดแยกและดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน ชุดศัลยกรรมห้องผ่าตัด ชุดหอผู้ป่วย ชุดส่งกลับ และชุดสนับสนุน (แพทย์ 6 นาย พยาบาลและเจ้าหน้าที่ 39 นาย)  กำลังจาก กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ จัดตั้งชุดปฏิบัติการ สงครามนิวเคลียร์ ชีวะ เคมี ประกอบด้วย ส่วนควบคุมและประเมิน จำนวน 4 นาย ศูนย์ปฏิบัติการสงครามนิวเคลียร์ ชีวะ เคมี จำนวน 2 นาย ชุดพิสูจน์ทราบ จำนวน 5 นาย ชุดทำลายล้างพิษ จำนวน 12 นาย  กำลังจากกองทัพบก จำนวน 1 กองร้อยทหารราบ พร้อมรถเกราะล้อยาง BTR จำนวน 13 คัน และ รถถัง 4 คัน  กำลังจาก กองทัพอากาศ ประกอบด้วย เครื่องบิน F-16 จำนวน 12 ลำ เครื่องบิน Gripen 39 จำนวน 6 ลำ เครื่องบิน SAAB 340 AEW จำนวน 1 ลำ เครื่องบิน F-5E จำนวน 4 ลำ เครื่องบิน L39 จำนวน 4 ลำ เครื่องบิน Alpha Jet จำนวน 4 ลำ เครื่องบิน DA-42 (ISR) จำนวน 1 ลำ เครื่องบิน C-130 จำนวน 1 ลำ เฮลิคอปเตอร์ Bell 412 จำนวน 1 ลำ อากาศยานไร้คนขับ UAV จำนวน 1 ลำ และกำลังอากาศโยธิน (ส่วนต่อสู้อากาศยาน 30 นาย และส่วนปฏิบัติการพิเศษ 54 นาย)
 
การฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2560 เป็นการเตรียมความพร้อมที่สำคัญตามภารกิจ บทบาทหน้าที่ที่กองทัพเรือได้รับ และจะทำให้สามารถพัฒนาหน่วยที่มีขีดความสามารถอยู่ในระดับมาตรฐาน (Standard Navy) ไปสู่ระดับมืออาชีพ (Professional Navy) ตามนโยบาย ผู้บัญชาการทหารเรือ โดย กองทัพเรือ จะมีความพร้อมที่จะรับมือกับภัยคุกคามทุกรูปแบบ ตั้งแต่การรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การรักษากฎหมาย จนถึงการช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติ อันจะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นได้ว่ากองทัพเรือสามารถสร้างความมั่นคงปลอดภัยและอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ รวมทั้งจะทำให้กำลังของเหล่าทัพต่างๆ ที่เข้าร่วมการฝึก มีความรู้ความเข้าใจในการประสานสอดคล้อง และสร้างความคุ้นเคยในการปฏิบัติการร่วมกัน ซึ่งเป็นไปตามหลักนิยมและแนวทางการปฏิบัติการร่วม กับเป็นพื้นฐานสำหรับการฝึกร่วมกองทัพไทยที่จะเกิดขึ้นภายใต้การอำนวยการยุทธ์ที่เป็นเอกภาพของกองบัญชาการกองทัพไทย โดยจะส่งผลให้ในภาพรวมของกองทัพไทยมีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนตลอดไป
/ ที่มา: พัทธนันท์ สงชัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น