หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

ข้อมูล : เรือหลวงท่าจีน (471)

สำหรับเรือฟริเกตสมรรถนะสูง หรือ เรือหลวงท่าจีน (ลำใหม่) ต่อโดยบริษัท DSME.(DAEWOO Shipbuilding & Marine Engineering CO., LTD.) ประเทศ สาธารณรัฐเกาหลี โดยการสร้างเรือดำเนินการ ณ อู่ต่อเรือของบริษัท DSME สาธารณรัฐเกาหลี เป็นเรือฟริเกตที่จัดหาจะมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบได้ 3 มิติ คือ การปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ และการปฏิบัติสงครามผิวน้ำ โดยสามารถปฏิบัติงานร่วมกับ เฮลิคอปเตอร์กองทัพเรือ ในการรับ-ส่ง เฮลิคอปเตอร์ และนำ เฮลิคอปเตอร์เข้าเก็บในโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ได้ นอกจากนั้น ยังได้เพิ่มขีดความสามารถของระบบตรวจการณ์ และระบบอาวุธในการปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ และการป้องกันภัยทางอากาศให้มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งระบบอาวุธและระบบอำนวยการรบ ได้รับการออกแบบให้มีขีดความสามารถในการเชื่อมต่อข้อมูลทางยุทธวิธี ที่สามารถใช้งานร่วมกับระบบการรบของเรือฟริเกต ชุด เรือหลวงนเรศวร และ เรือหลวงจักรีนฤเบศร ได้ เป็นผลทำให้การปฏิบัติการรบร่วมในลักษณะกองเรือ (Battle Group) รวมทั้งการปฏิบัติการรบร่วมกับอากาศยานของกองทัพอากาศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประกอบกับข้อเสนอการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่บริษัทฯ เสนอ จะทำให้เพิ่มขีดความสามารถให้อู่เรือไทยและบุคคลากรทั้ง ทร. และภาคเอกชนให้มีความรู้ความชำนาญ รองรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยี การพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงการบำรุงรักษา ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือรบในประเทศได้
กองทัพเรือได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาดำเนินการ โดยได้เชิญชวนอู่เรือของประเทศต่างๆ ในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา จำนวน 13 ราย ซึ่งรวมถึงอู่เรือจากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ด้วย เพื่อเปิดกว้างให้มีการแข่งขันให้กองทัพเรือ ได้รับประโยชน์สูงสุด โดยมีผู้เสนอแบบเรือ 5 ราย ได้แก่ อู่เรือจากสาธารณรัฐอิตาลี ราชอาณาจักรสเปน สาธารณรัฐเกาหลี (2 ราย) และสาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจากนั้นได้ดำเนินการคัดเลือกแบบตามแนวทางการจัดหา ยุทโธปกรณ์หลักของกองทัพเรือ โดยผลการพิจารณาปรากฏว่า แบบเรือของบริษัท Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering Co., Ltd. (DSME) สาธารณรัฐเกาหลี สามารถตอบสนองภารกิจของกองทัพเรือได้ดีที่สุด และเป็นแบบเรือที่ตรงตามความต้องการของกองทัพเรือมากที่สุด จึงได้รับการคัดเลือก แบบเรือฟริเกตที่ได้รับการคัดเลือก เป็นแบบที่พัฒนามาจากเรือพิฆาตชั้น Kwanggaeto Class Destroyer (KDX-I) ซึ่งเรือฟริเกตที่กองทัพเรือจัดหา มีการออกแบบและสร้างเรือ โดยใช้มาตรฐานทางทหารของสหรัฐฯ และกองทัพเรือเกาหลี อีกทั้งได้รับการรับรองเป็นแบบที่ได้รับรองจากสถาบันจัดชั้นเรือซึ่งเป็นสมาชิกของ IACS (International Association of Classifications Society) โดยแบบเรือดังกล่าว มีระวางขับน้ำสูงสุด 3,700 ตัน ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง 30 นอต ระยะปฏิบัติการประมาณ 4,000 ไมล์ทะเล กำลังพล 136 นาย ลักษณะของเรือออกแบบโดยใช้ Stealth Technology และลดการแพร่คลื่นแม่เหล็กตัวเรือ รวมทั้งลดการแพร่เสียงใต้น้ำ ติดตั้งระบบอำนวยการรบและระบบอาวุธจากยุโรปและอเมริกา ซึ่งสามารถปฏิบัติการรบได้ทั้ง 3 มิติ รวมทั้งป้องกันตัวเองในระยะประชิด ตามมาตรฐานยุโรป สหรัฐฯ และกองทัพเรือที่มีใช้งานและกำลังจัดหา

การสร้างเรือ จะดำเนินการ ณ อู่ต่อเรือของบริษัท DSME สาธารณรัฐเกาหลี ในระหว่างปี 2556 – 2561 โดยมีค่าจ้างสร้างเรือรวมทั้งสิ้นประมาณ 14,997 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม อะไหล่เครื่องมือ เอกสาร ส่วนสนับสนุน การทดสอบทดลอง การฝึกอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นงบประมาณผูกพันระยะเวลา 6 ปี
คุณลักษณะและขีดความสามารถโดยสังเขปของเรือฟริเกตสมรรถนะสูง
ภารกิจ
ภารกิจในยามสงคราม กิจหลักป้องกันอธิปไตยเหนืออาณาเขตทางทะเลของไทย กิจรองุ้มกันกระบวนเรือลำเลียง
ภารกิจในยามสงบ รักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของเส้นทางคมนาคมทางทะเล พิทักษ์รักษาสิทธิอธิปไตยทางทะเล ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ และรักษากฎหมายตามกฎหมายให้อำนาจทหารเรือ
ขีดความสามารถ
ขีดความสามารถทั่วไป โดยสามารถนำเรือ/เดินเรือแบบรวมการที่ทันสมัย ระบบขับเคลื่อนที่ควบคุมง่าย รวดเร็ว ทนทาน ง่าย และประหยัด ความทนทะเลได้ถึงสภาวะทะเลระดับ 6 ขึ้นไป โครงสร้างเรือแข็งแรง มีโอกาสอยู่รอดสูงในสภาพแวดล้อมของการสู้รบและการปนเปื้อนทางนิวเคลียร์/เคมี/ชีวะ

ขีดความสามารถด้านการควบคุมบังคับบัญชาและการตรวจการณ์ ด้วยระบบอำนวยการรบและระบบตรวจการณ์ที่ทันสมัยและขีดความสามารถสูง รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงข้อมูลและสื่อสารกับเรือ อากาศยาน และหน่วยบนฝั่ง ตลอดจนสามารถตรวจการณ์ครอบคลุมทุกมิติและทั้งกลางวันและกลางคืน
ขีดความสามารถการรบ โดยสามารถปฏิบัติการรบได้ ๓ มิติ โดยให้ความสำคัญในการการปฏิบัติการสงครามใต้น้ำเป็นลำดับแรก โดยสามารถตรวจจับเป้าหมายระยะไกลด้วยโซนาร์ลากท้ายและโซนาร์ติดใต้ท้องเรือ แล้วต่อตีเรือดำน้ำได้ที่ระยะไกลด้วย Vertical Launch Anti-Submarine Rocket หรือตอร์ปิโด และลำดับที่สอง การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ โดยใช้เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติระยะไกล และระยะปานกลางในการค้นหา ตรวจจับ และติดตามเป้าข้าศึก รวมทั้งแลกเปลี่ยนและประสานการปฎิบัติกับเรือและอากาศยานที่ร่วมปฏิบัติการ แล้วโจมตีเป้าหมายด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีฯ แบบ ESSM และอาวุธปืนของเรือ ส่วนการป้องกันทางอากาศระยะไกล หรือพื้นที่ชั้นนอกของกองเรือ (Battle Group) จะใช้การปฏิบัติการร่วมกับอากาศยานของกองทัพอากาศในการค้นหา ตรวจจับและโจมตี และการปฏิบัติการสงครามผิวน้ำ โดยสามารถโจมตีเป้าหมายได้ที่ระยะไกล โดยปฏิบัติร่วมกับเรือและอากาศยานในการพิสูจน์ทราบเป้า ส่งมอบเป้าและให้ใช้อาวุธจากระยะพ้นขอบฟ้า รวมทั้งโจมตีเป้าพื้นน้ำและใต้น้ำด้วยเฮลิคอปเตอร์ประจำเรือ

ขีดความสามารถในการป้องกันตนเอง ด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีฯ ปืนใหญ่เรือและปืนรองต่อสู้อากาศยาน ระบบอาวุธป้องกันระยะประชิด (CIWS) ระบบลวงทางอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมความเสียหายแบบรวมการที่สั่งการได้จากศูนย์กลางหรือแยกสั่งการ มีระบบควบคุมการแพร่สัญญาณออกจากตัวเรือ

ขีดความสามารถในการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ โดยสามารตรวจจับ ดักรับ วิเคราะห์ และก่อกวนสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าของเป้าหมายได้ 
ขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบร่วม โดยผ่านระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี ให้สามารถปฏิบัติการรบร่วมในลักษณะกองเรือ (Battle Group) ได้แก่ ร.ล.จักรีนฤเบศร เรือฟริเกต ชุด เรือหลวงนเรศวร เรือคอร์เวต ชุด เเรือหลวงรัตนโกสินทร์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งการปฏิบัติการรบร่วมกับ เครื่องบินกองทัพอากาศ ตามบทบาทหน้าที่ที่จะได้รับมอบหมาย ซึ่งเรือฟริเกตสมรรถนะสูง จะทำหน้าที่ควบคุมการปราบเรือดำน้ำเป็นหลัก

เรือฟริเกตสมรรถนะสูง ได้รับการออกแบบตัวเรือและโครงสร้างรองรับการปรับปรุงให้สามารถยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-อากาศ แบบ SM2 รวมทั้งได้มีแผนเตรียมการรองรับไว้แล้ว โดยบริษัทผู้ผลิตระบบประกอบที่เกี่ยวข้องได้แก่ แท่นยิงแท่นยิงอาวุธปล่อยฯ แนวตั้ง ระบบอำนวยการรบ เรดาร์ควบคุมการยิงและ เรดาร์ชี้เป้า (Illuminator) สามารถปรับปรุงรองรับการยิงอาวุธปล่อยฯ ดังกล่าวได้ เมื่อกองทัพเรือต้องการและสถานการณ์ด้านงบประมาณเอื้ออำนวย

ระบบอาวุธที่มีการติดตั้งบนเรือลำนี้ประกอบด้วย 
- ปืนใหญ่เรือ OTO Melara 76/62 Super Rapid ขนาด 76 มม./62 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว 1 แท่น 


- ปืนใหญ่กล MSI-DSL/ATK DS30MR Mk 44 ขนาด 30 มม./70 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว 2 แท่น


- ระบบอาวุธปืนป้องกันระยะประชิด (CIWS) แบบ Raytheon Mk 15 Phalanx (ฟาลังซ์) block 1B ขนาด 20 มม./99 คาลิเบอร์ 6 ลำกล้องหมุน 1 แท่น 


- ปืนกล U.S. Ordnance M2HB ขนาด 12.7 มม. แท่นเดี่ยว 2 แท่น 


- แท่นยิง Mk 41 VLS 1 แท่น 8 ท่อยิง สำหรับ 
- อาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-อากาศ Raythoen RIM-162B อีโวซีสแปโรว์ หรือ อีเอสเอสเอ็ม ESSM ท่อยิงละ 4 นัดรวม 32 นัด หรือ
-อาวุธปล่อยนำวิถีปราบเรือดำน้ำ Lockheed Martin RUM-139C VL แอสร็อก ASROC ท่อยิงละ 1 นัด รวม 8 นัด หรือ 
เป้าลวงอาวุธปล่อยนำวิถี Lockheed Martin Mk 234 Nulka ท่อยิงละ 4 นัด รวม 32 นัด หรือผสมกัน


- แท่นยิง Mk 141 สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-พื้น Boeing RGM-84D Harpoon (ฮาร์พูน) 2 แท่น แท่นละ 4 ท่อยิง 


- แท่นยิง J+S DMTLS สำหรับตอร์ปิโดปราบเรือดำน้ำแบบ Raytheon Mk 44 mod 1 หรือ Raytheon Mk 46 mod 5A(S) หรือ BAE Sting Ray 2 แท่น แท่นละ 3 ท่อยิง 


- แท่นยิงเป้าลวง Terma DL-12T 2 แท่น แท่นละ 12 ท่อยิง สำหรับเป้าลวงอาวุธปล่อยนำวิถี 
แท่นยิงเป้าลวง Terma Mk 137 4 แท่น แท่นละ 6 ท่อยิง สำหรับเป้าลวงตอร์ปิโด

- ระบบลบล้างสนามแม่เหล็กตัวเรือ Ultra Electronics EMS 

- ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ สำหรับ ฮ. Sikorsky S-70B Seahawk 1 เครื่อง พร้อม
โรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ สำหรับ ฮ. Sikorsky S-70B Seahawk 1 เครื่อง 



- ระบบชักลาก ฮ. DCNS Samahe (สำหรับ ฮ. S-70B เพื่อเคลื่อนย้ายเข้าออกโรงเก็บและรับส่งในสภาพคลื่นลมแรง) 
เรือยางทางยุทธวิธีพร้อมเครื่องยนต์ติดท้าย (RHIB) 2 ลำ


ในการต่อเรือชุดนี้กองทัพเรือได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการต่อเรือ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของการต่อเรือภายในประเทศ โดยกองทัพเรือจะทำการต่อเรือฟริเกตสมรรถณะสูงเองอีก 1 ลำ ตามแนวทางพระราชดำริพระบามสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยที่ผ่านมา บริษัท DSME จำกัด และ บริษัท ไฮเทค เอเจ โฮลดิ้ง จำกัด (บริษัทผู้แทนในระเทศไทยของบริษัท DSME จำกัด) ได้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) กับกองทัพเรือ และบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด บริษัทในด้านความร่วมมือการพัฒนาขีดความสามารถในการซ่อม สร้าง และดัดแปลงเรือ ของกรมอู่ทหารเรือให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อ 30 กันยายน 2559 ณ ห้องรับรองกองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม

ที่มา: กองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น